สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด ตัวช่วยบอกสุขภาพรถที่ไม่ควรมองข้าม
สังเกตสัญญาณเตือนหน้าปัดรถยนต์ให้ดี เพื่อความปลอดภัย
หน้าปัดรถยนต์มีสัญลักษณ์อยู่หลายอย่างที่ปรากฎให้เห็นขณะขับรถ หลายคนสงสัยว่าหน้าปัดรถยนต์บอกอะไรได้บ้าง อย่ามองข้ามเพราะหน้าปัดรถยนต์บอกอะไรได้หลายอย่าง คนที่ขับขี่รถยนต์เป็นประจำควรรู้วิธีการสังเกต และแนวทางการแก้ไขหากไฟบนหน้าปัดรถยนต์สว่างขึ้นมา
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามขณะขับขี่
ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมีความสำคัญมาก ซึ่งรถยนต์ออกแบบมาให้มีสัญญาณเตือนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ลักษณะสัญญาณเตือนที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้ามมีดังนี้
- เสียงเตือนภายในรถ
ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อเกิดปัญหาจะมีเสียงเตือนดังขึ้นมา เช่น เสียงผิดปกติจากห้องเครื่องรถยนต์ เสียงร้องที่มาพร้อมไฟกระพริบบนหน้าปัดรถยนต์ เสียงแอร์ที่ดังผิดปกติ
- การสั่นสะเทือนของรถ
หากขับรถไปสักระยะแล้วสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนที่มากผิดปกติ และยังคงสั่นต่อเนื่องแม้รถจะวิ่งอยู่บนถนนเรียบ แม้ใช้ยางนุ่มเงียบแล้วก็ตาม ให้สันนิษฐานว่ารถกำลังมีปัญหาบางอย่าง
- ไฟสัญญาณหน้าปัดรถยนต์
หน้าปัดรถยนต์ออกแบบมาเพื่อเช็กสุขภาพของรถยนต์ บนหน้าปัดจะมีสัญลักษณ์เฉพาะของระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ช่วยให้รู้ที่มาของปัญหาได้ง่ายดายกว่าเดิม
การขับขี่รถยนต์ให้ปลอดภัยจะต้องสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากพบความผิดปกติและไม่สามารถแก้ไขได้เอง ควรรีบตามช่างผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าศูนย์บริการโดยทันที
ความหมายของไฟเตือนรถยนต์บนหน้าปัด
หน้าปัดรถยนต์จะตั้งอยู่บริเวณหลังพวงมาลัย โดยจะมีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ ของรถยนต์แสดงเอาไว้ หากมีไฟเตือนรถยนต์สว่างขึ้นมาบนหน้าปัด ควรรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน ความหมายของสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่ควรรู้มีดังนี้
- ระบบเบรก
สัญลักษณ์ของเบรกจะเป็นเครื่องหมายอัศเจรีย์ หรือเครื่องหมายตกใจ หากสัญลักษณ์นี้เรืองแสงขึ้นมามักจะมาจากการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด รวมถึงสาเหตุจากน้ำมันเบรกได้เช่นกัน
การแก้ไข:
สังเกตเบรกมือ หากยังดึงเบรกมือไม่สุดให้ลองดึงให้สุด หากปัญหาไม่ใช่จากการดึงเบรกมือ ให้เรียกช่างมาเพื่อตรวจสอบน้ำมันเบรก เพราะอาจเกิดจากน้ำมันเบรกรั่ว หรือน้ำมันเบรกลดปริมาณลงต่ำกว่าที่กำหนดได้เช่นกัน
- ระบบไฟฟ้าเครื่องยนต์
สัญลักษณ์เครื่องยนต์จะเป็นไอคอนเครื่องยนต์บนหน้าปัด หากสัญลักษณ์นี้สว่างขึ้นมาจะแสดงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ ซึ่งอาจเป็นส่วนใดของเครื่องยนต์ก็ได้
การแก้ไข:
ติดต่อช่างหรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพเครื่องยนต์ เพราะสัญลักษณ์นี้อาจเป็นได้ทั้งระบบไฟฟ้า ค่าออกซิเจนผิดปกติ และปัญหาเครื่องยนต์อื่น ๆ
- ระบบไฟชาร์จ
รูปแบตเตอรี่ที่มีขั้วบวกและขั้วลบแทนสัญลักษณ์ของระบบไฟชาร์จ หากมีไฟขึ้นมาที่สัญลักษณ์นี้จะแสดงถึงความผิดปกติของการทำงานของไดชาร์จ
การแก้ไข:
ควรติดต่อช่างหรือศูนย์บริการรถโดยทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลต่อแบตเตอรี่รถยนต์ นำไปสู่การสตาร์ทรถไม่ติดในที่สุด
- แรงดันน้ำมันเครื่อง
สัญลักษณ์หัวจ่ายน้ำมันมีหยดน้ำมันแทนการทำงานของแรงดันน้ำมันเครื่อง หากปรากฏสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาจะหมายถึงการทำงานผิดปกติของแรงดันน้ำมันเครื่อง
การแก้ไข:
จอดพักรถสักครู่ จากนั้นลองเติมน้ำมันเครื่อง แล้วตรวจสอบว่าสัญลักษณ์หายไปหรือไม่ หากสัญลักษณ์ไม่หายไป ให้โทรตามช่างหรือติดต่อศูนย์บริการรถ เพื่อตรวจเช็กเกี่ยวกับแรงดันน้ำมันเครื่องให้ละเอียด
- อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นในเครื่องยนต์
สัญลักษณ์เครื่องวัดอุณหภูมินี้แทนระบบระบายความร้อน หรือระบบอุณหภูมิหล่อเย็นในเครื่องยนต์ หากปรากฎขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงการทำงานผิดปกติของระบบระบายความร้อนในรถยนต์ เช่น พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน ระบบหล่อเย็นขาด
การแก้ไข:
เปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดอาการ Over Heat เมื่อรถเริ่มเย็นลงให้นำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการรถ
- ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า
รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าติดตั้งมาด้วยจะมีสัญลักษณ์รูปพวงมาลัยกับเครื่องหมายอัศเจรีย์แทนระบบพวงมาลัยไฟฟ้า หากสัญลักษณ์นี้สว่างขึ้นมาจะแสดงว่ารถมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าของพวงมาลัย
การแก้ไข:
ประคองรถเข้าศูนย์ทันที หรือหากการคุมพวงมาลัยยากต่อการประคองรถ ให้เรียกรถยกเพื่อนำรถเข้าศูนย์ซ่อม
- ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
สัญลักษณ์ตู้เติมน้ำมันสีแดงจะส่องแสงขึ้นมาเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในรถกำลังจะหมด และเหลืออยู่เพียง 10 ลิตรสุดท้ายเท่านั้น
การแก้ไข:
เติมน้ำมันเข้าสู่รถยนต์ ควรหมั่นสังเกตระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสมอ เพราะหากน้ำมันหมด รถก็จะวิ่งต่อไปไม่ได้
- เข็มขัดนิรภัย
สัญลักษณ์รูปคนนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่จะแทนการคาดเข็มขัดนิรภัยของที่นั่งฝั่งคนขับ รถยนต์บางรุ่นอาจจะมีเสียงแจ้งเตือนหากไม่มีการคาดเข็มขัดของผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าด้วย
การแก้ไข:
คนขับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย หากคาดเข็มขัดแล้วไฟยังคงขึ้นอยู่ ให้ตรวจสอบการเสียบเข็มขัดว่าแน่นสนิทดีหรือยัง
- ระบบถุงลมนิรภัย
รูปถุงลมนิรภัยและคนขับเป็นสัญลักษณ์ของระบบถุงลมนิรภัย หากสัญลักษณ์นี้ปรากฎขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมในการทำงานของถุงลมนิรภัย
การแก้ไข:
นำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพถุงลมนิรภัย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุแล้วถุงลมนิรภัยไม่กางออก
- ระบบเบรก Anti-Lock Brake System (ABS)
ระบบเบรก ABS จะใช้สัญลักษณ์เป็นตัวอักษร ABS ในวงกลม ใช้แทนปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรกแบบกะทันหัน
การแก้ไข:
ค่อย ๆ ประคองรถไปยังศูนย์ซ่อม ปัญหาของระบบเบรก ABS ไม่ได้ทำให้รถสูญเสียการเบรกไปทั้งหมด แต่จะมีปัญหาเมื่อต้องเบรกกะทันหันเท่านั้น จึงควรค่อย ๆ ขับด้วยความเร็วต่ำไปยังศูนย์ซ่อม
- ระบบประตู
สัญลักษณ์รูปประตูเปิดออกทั้ง 2 ข้าง ใช้แทนกรณีการปิดประตูไม่สนิท โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นประตูด้านใด เพียงแจ้งเตือนให้เจ้าของรถทราบว่ามีประตูที่ยังปิดไม่สนิทอยู่
การแก้ไข:
เปิดและปิดประตูใหม่ โดยประตูที่ปิดไม่สนิทมักจะเปิดออกได้ง่าย หรือเมื่อเขย่าประตูเบา ๆ จะมีแรงสั่นสะเทือนให้รู้ว่าประตูปิดไม่สนิท
- ระบบไฟหน้ารถ
สัญลักษณ์ไฟหน้ารถและขีดเส้นแสงบ่งบอกถึงการเปิดไฟสูง เพื่อแสดงให้คนขับเห็นว่าขณะนี้รถกำลังเปิดไฟสูงอยู่
การแก้ไข:
หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟสูงในขณะนั้น ควรปิดไฟสูงและใช้ไฟปกติ เพื่อไม่ให้แสงไฟรบกวนผู้ขับขี่ที่สวนเลนมา
การให้ความสำคัญกับสุขภาพของรถช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย คนขับสามารถตรวจสอบปัญหาของรถยนต์ง่าย ๆ ผ่านหน้าปัดเครื่องยนต์ และไม่ควรละเลยการตรวจเช็กสภาพรถยนต์เป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องของยางรถยนต์ที่ควรเลือกยางคุณภาพดี เหมาะกับรถยนต์ แนะนำยางรถยนต์ NEXEN TIRE ยางรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ การันตีด้วยความพึงพอใจอันดับ 1 จากประเทศเกาหลีใต้ มั่นใจได้ในประสบการณ์ของการผลิตยางมากว่า 80 ปี และยังมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เช่น บีควิก FIT Auto ติดต่อสอบถามรายละเอียด NEXEN TIRE เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH