ตรวจสภาพรถ ตรอ. ให้อุ่นใจในทุกเส้นทาง รับรองว่าถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
บนท้องถนนเต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย กับเส้นทางที่ยาวไกล จะทำอย่างไรให้เดินทางถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นผู้ใช้รถทุกท่านควรให้ความสำคัญในการขับขี่และเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไกล โดยเฉพาะการตรวจสภาพรถกับตรอ. เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ พร้อมทริคขับรถทางไกลให้ปลอดภัย ดังนี้
เปิดเคล็ดลับ! ขับรถทางไกลให้ปลอดภัยหายห่วง
เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจในทุก ๆ เส้นทาง Nexen มีเคล็ดลับ ขับรถทางไกล ทำอย่างไรให้ปลอดภัยหายห่วงมาฝาก ได้แก่
- การตรวจสภาพรถ สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์เอกชนที่เปิดให้บริการตรวจเช็กทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์เลย สำหรับเจ้าของรถที่ไม่มีเวลานำรถไปที่กรมการขนส่งทางบก การตรวจสภาพรถกับตรอ. ก็เป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุด เนื่องจาก เปิดให้บริการในช่วงวันหยุดที่ไม่ตรงกับวันทำงาน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาลางานเพื่อนำรถไปตรวจสภาพเลย ทั้งนี้ หากมีคุณมีแผนจะเดินทางไกล ต้องใช้รถหนัก ควรตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกล ผู้ใช้รถควรนำรถยนต์ไปตรวจสภาพรถที่ศูนย์ ตรวจสอบว่ารถยนต์มีจุดบกพร่อง ชำรุดหรือไม่ หากพบปัญหาจะได้ดำเนินการซ่อม หรือเปลี่ยนทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
- วางแผนเส้นทางก่อนเดินทาง ผู้ใช้รถควรวางแผนเส้นทางการเดินทางล่วงหน้าทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด ศึกษาเส้นทางลัด ทางเลี่ยง ทั้งบนทางหลวงสายหลักและสายรอง นอกจากนี้ เส้นทางนั้นอาจจะเป็นทางที่ไม่คุ้นชิน หมั่นมองป้ายจราจร มีมารยาทและจิตสำนึกให้แก่เพื่อนร่วมถนน เพื่อเป็นการเตรียมตัวความพร้อมล่วงหน้าในการเดินทาง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ขับรถควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ ยิ่งต้องขับรถเดินทางไกล ๆ แล้วไม่มีคนเปลี่ยนขับ ควรเตรียมร่างกายอย่างเต็มที่ นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7 ชั่วโมง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังรวมถึงเมาไม่ขับ เนื่องจากสุราเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ หากมีการดื่มแอลกอฮอล์เฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ควรอยู่อยู่บ้านเฉย ๆ งดการเดินทาง เพราะอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งต่อตัวเราแล้วผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ ได้
ขับรถในความเร็วที่กฎหมายกำหนด การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดที่เป็นเรื่องอันตราย และผิดกฎหมาย อีกทั้งการขับรถเร็วเกินไป อาจเสี่ยงทำให้รถเสียหลักหรือเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นควรขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสมจะดีกว่า
ตรอ. ตรวจอะไรบ้าง
สำหรับเจ้าของรถป้ายแดง หรือผู้ที่ซื้อรถคันแรกเป็นของตัวเอง ต้องสับสนอยู่แน่ ๆ ว่าตรวจสภาพรถยนต์กับตรอ. เขาตรวจอะไรกันบ้าง? แตกต่างจากการที่เราตรวจเช็กรถเองอย่างไร วันนี้ Nexen จะมาแจกแจงรายละเอียดว่าต้องตรวจอะไรบ้าง ดังนี้
- ตรวจสอบข้อมูลรถ สิ่งแรกที่เมื่อนำรถเข้ามาตรวจสภาพ ตรอ. ก็จะถูกตรวจเช็ก และทวนข้อมูลที่ถูกต้องของรถ เช่น หมายเลขตัวรถ ลักษณะของรถ เลขเครื่องยนต์ แผ่นป้ายทะเบียน ว่าตรงกับข้อมูลที่ถูกบันถึกลงบนเล่มทะเบียนรถหรือไม่
- ตรวจสอบระบบภายใน เช่น ระบบเครื่องยนต์ ระบบเชื้อเพลิง ระบบบังคับเลี้ยวว่าสามารถทำงานได้ตามปกติไหม
- ตรวจเช็กสภาพรถ เช่น ที่ปัดน้ำฝน สี พวงมาลัย ตัวถัง ว่าอยู่ในสภาพดี ไม่มีการชำรุดใช่หรือไม่
- ตรวจเช็กโคมไฟหน้า เพื่อดูทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสงของไฟด้านหน้ารถ
- ตรวจสอบการทำงานของระบบเบรก อุปกรณ์เบรก เช่น ผ้าเบรก จานเบรก ฯลฯ ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติอยู่หรือไม่ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
- ตรวจสอบควันดำ หากรถยนต์ของคุณเป็นเครื่องยนต์ดีเซล จำเป็นต้องตรวจควันดำ เพื่อป้องกันการเกิดมลภาวะ ด้วยระบบกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 40
- ตรวจวัดก๊าซและมลพิษ วัดค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง
- ตรวจวัดความดังของรถ เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะทางเสียง และเกิดการรบกวนก็มีการตรวจวัดเสียงรถ ซึ่งต้องวัดได้ดังไม่เกิน 100 เดซิเบล
สามารถตรวจสภาพรถ กับ ตรอ. ได้ที่ไหนบ้าง
หากคุณอยากตรวจเช็กสภาพรถเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง หรือแม้แต่การตรวจประจำปี เพื่อใช้ในการต่อทะเบียนรถยนต์ สามารถค้นหาว่า ตรอ. ใกล้ฉัน ก็จะปรากฏสถานที่ตรวจเอกชนอยู่ใกล้บ้านคุณ หรือสามารถสังเกตได้จากป้ายสัญลักษณ์สีน้ำเงินกรม รูปฟันเฟืองและมีตัวอักษรตรงกลางที่เขียนว่า ตรอ. เพียงเท่านั้นก็สามารถขับรถของคุณไปตรวจเช็กสภาพได้เลย
ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารอะไรมากมาย เพียงแค่มีสมุดเล่มทะเบียนรถ และรถที่ต้องการจะนำไปตรวจสภาพ เท่านี้ก็สามารถตรวจได้แล้ว แต่ในกรณีที่รถของคุณเป็นรถที่ใช้ก๊าซเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน เช่น ก๊าซธรรมชาติ NGV และ LPG เพื่อหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบอุปกรณ์และส่วนควบ จึงจะสามารถนำไปต่อทะเบียนรถยนต์ได้
รถประเภทไหนบ้างที่ต้องตรวจสภาพรถ ตรอ.
ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้ว่ารถยนต์จะต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาดและเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถต้องถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง จึงกำหนดเงื่อนไขของรถที่ต้องเข้ารับการตรวจสภาพ ดังนี้
- รถที่อยู่ต้องเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง รถยนต์ส่วนบุคคล 7 ที่นั่งขึ้นไป และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป รวมไปถึงรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป จะต้องนำมาตรวจสภาพรถ
- สถานที่ตรวจสภาพรถ สามารถนำรถของคุณมาตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ได้ ยกเว้น รถที่มีข้อมูลไม่ตรงตามเล่มทะเบียนรถ มีการดัดแปลงสภาพ เช่น เปลี่ยนสีรถ หรือไม่สามารถระบุหมายเลขเครื่องยนต์ได้ รวมทั้งรถที่ไม่ได้ต่อทะเบียนเกิน 1 ปีขึ้นไป ต้องนำรถไปตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบก เท่านั้น
- ระยะเวลาที่ควรนำไปตรวจสภาพ ให้สังเกตที่ป้ายวงกลม หรือป้ายที่แสดงว่าคุณชำระภาษีรถยนต์แล้วว่าวันหมดอายุถึงวันที่เท่าไหร่ สามารถนำรถไปตรวจเช็กเพื่อต่อภาษีได้ล่วงหน้า 3 เดือน
- ค่าตรวจสภาพรถยนต์ เมื่อเข้ารับการตรวจสภาพรถที่ตรอ. กรมการขนส่งทางบกได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
รถประเภทไม่ที่ไม่สามารถตรวจสภาพรถที่ตรอ. ได้
หากรถของคุณเข้าข่ายตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ จะไม่สามารถเข้ารับการตรวจที่สถานที่ตรวจสภาพรถเอกชนได้ จำเป็นจะต้องนำรถไปที่กรมการขนส่ง เพื่อเข้ารับการตรวจสภาพ ได้แก่
- รถที่ถูกดัดแปลงสภาพ และมีข้อมูลไม่ตรงตามเล่มทะเบียนที่ได้จดไว้
- รถที่ไม่ปรากฏเลขเครื่องยนต์ เลขตัวรถ ไม่ว่าจะจากร่องรอยการขูด ขีด หรือถูกลบจนไม่สามารถตรวจสอบได้
- รถที่ป้ายทะเบียนยังเป็นรุ่นเก่าอยู่ เช่น กท-00001 กทจ-0001 เป็นต้น
- รถที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีการโจรกรรมแล้วเพิ่งได้คืน
- รถที่ขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 1 ปีขึ้นไป
ตรวจสภาพรถ ตรอ. ไม่ผ่านทำอย่างไร
หากคุณนำรถไปตรวจสภาพรถเอกชนแล้ว ปรากฏว่าอยู่ในเกณฑ์ไม่ผ่าน ทางตรอ. จะแจ้งข้อบกพร่องให้คุณกลับไปแก้ไข และนำรถเข้ามารับการตรวจสภาพใหม่ภายใน 15 วัน ณ สถานที่ตรวจสภาพเดิม จะเสียค่าบริการเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของราคาเต็มเท่านั้น หากคุณนำรถมาตรวจเกินระยะเวลาที่กำหนด หรือนำไปตรวจใหม่ที่สถานที่ตรวจแห่งอื่น ก็จะต้องเสียค่าบริการแบบเต็ม ๆ เลย
ข้อควรรู้! ตรวจสภาพรถยนต์สำคัญอย่างไร
หากผู้ใช้รถละเลยการบำรุงรักษาตามที่คู่มือกำหนดไว้ อาจส่งผลทำให้อายุการใช้งานรถยนต์ลดลง ทั้งยังเสี่ยงต่อการเสียค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่สูงขึ้นในอนาคต และเพิ่มความเสี่ยงรถดับขณะขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย เพราะฉะนั้นการบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่คู่มือรถระบุไว้ ช่วยให้รถยนต์คันโปรดของคุณมีสภาพการใช้งานที่ดีและปลอดภัยทุกครั้งเมื่อต้องใช้รถ หัวใจสำคัญการตรวจเช็กรถเป็นประจำ ว่าระบบการทำงานของเครื่องยนต์ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่? ทั้งนี้ การตรวจสภาพรถมีประโยชน์ ดังนี้
1. เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
เมื่อผู้ขับขี่ตรวจเช็กรถอย่างสม่ำเสมอตามที่คู่มือรถกำหนดไว้ ทำให้รถมีสภาพพร้อมใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่สำคัญการตรวจเช็กรถอย่างสม่ำเสมอ ทำให้พบความผิดปกติได้เร็วขึ้น ซ่อมได้ทันเวลา งบการซ่อมแซมไม่บานปลาย และช่วยลดการซ่อมแซมใหญ่ในระยะยาวได้อีกด้วย
2. ยืดอายุการใช้งานของรถยนต์
การตรวจเช็กรถอย่างสม่ำเสมอเปรียบเสมือนการปลูก หากผู้ปลูกดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ก็จะโตอย่างงดงาม หากละเลยไม่ดูแลต้นไม้อาจโตช้าหรือตายเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นชิ้นส่วนและอะไหล่ต่าง ๆ ของรถยนต์ เมื่อได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ มอบการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
3. เพิ่มมูลค่ารถยนต์
การตรวจสภาพรถเช็กระยะตามที่คู่มือรถกำหนด เป็นส่วนที่ทำให้รถอยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน เมื่อต้องการขายต่อก็จะได้รับราคาดีไปด้วย ไม่เหมือนกับรถที่ขาดการบำรุงรักษาที่ราคารถจะตกลง
4. มีบันทึกการตรวจเช็กรถในแต่ละครั้ง
ข้อมูลการตรวจสภาพรถจะถูกเก็บบันทึกไว้อย่างดี โดยข้อมูลจะมีการระบุรายละเอียดการซ่อม หรือปัญหารถที่พบในแต่ละครั้ง ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมสุขภาพของเครื่องยนต์ และอะไหล่รถยนต์ได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น สะดวกต่อการตรวจสภาพรถยนต์ของช่างในครั้งต่อ ๆ ไป
สรุป
ทางที่ดีก่อนเดินทางทุกครั้งควรนำรถเข้าศูนย์ตรวจเช็กสภาพรถ หรือ ตรอ. เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย ราบรื่น ไร้อุปสรรค อีกทั้งการเดินทางกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลบนท้องถนนมีผู้ใช้รถจำนวนมาก ดังนั้นความปลอดภัยจึงต้องมาเป็นอันดับแรก ผู้ขับขี่ต้องมีสติ ปฏิบัติตามกฎจราจรและมารยาทในการขับขี่ นอกจากสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ช่วยให้คุณเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัยนั่นคือ “ยางรถยนต์” เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนหนึ่งเกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่
หากคุณพบว่ายางรถยนต์เสื่อมสภาพตามการใช้งานหรือต้องการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ แนะนำยางรถยนต์ที่ดีที่สุด จาก Nexen ผู้ผลิตยางรถยนต์รายแรกของประเทศเกาหลีใต้ ให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ ที่สำคัญยางรถยนต์ Nexen รับประกันเปลี่ยนฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้นขึ้นไป (ต่อรถ 1 คัน ใน 1 ใบเสร็จ) พร้อมจัดส่งและติดตั้งฟรีทั่วประเทศ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางใกล้บ้านคุณ สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ NEXEN TIRE เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมตอบทุกคำถาม ให้คุณได้ยางรถยนต์ที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด หรือสอบถามทาง Facebook Inbox : m.me/NEXENTH