ระบบขับเคลื่อนล้อหน้ากับล้อหลัง แตกต่างกันอย่างไร
ในการเลือกซื้อรถยนต์นั้น นอกจากดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์แล้ว ระบบขับเคลื่อนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา แม้ว่าระบบขับเคลื่อนล้อหลังจะมีอยู่น้อยลงทุกวันก็ตาม วันนี้ เน็กเซ็น จะพาผู้ใช้รถทุกคนไปเจาะลึกกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้ากับล้อหลัง ว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไร และมีข้อดี หรือข้อเสียอะไรบ้าง
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า คืออะไร
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ Front Wheel Drive (FWD) คือ ระบบส่งกำลังรถยนต์ที่ถ่ายทอดแรงจากเครื่องยนต์ไปยังล้อคู่หน้าเพื่อขับเคลื่อนรถ ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กถึงกลาง ซึ่งการทำงานของระบบขับเคลื่อนล้อหน้ามีองค์ประกอบหลักดังนี้
- เครื่องยนต์ : ส่วนใหญ่จะถูกวางไว้ด้านหน้าของรถในแนวขวาง
- ชุดเกียร์และเฟืองท้าย : รวมชุดเกียร์และเฟืองท้ายไว้ในชุดเดียวกัน ช่วยประหยัดพื้นที่และน้ำหนัก
- เพลาขับ : ส่งกำลังจากเกียร์ และเฟืองท้ายไปยังล้อหน้าทั้งสองข้าง
- ข้อต่อความเร็วคงที่ : ช่วยให้เพลาขับส่งกำลังได้อย่างราบรื่น แม้ล้อจะเคลื่อนที่ขึ้นลง หรือเลี้ยวซ้ายขวา
ข้อดี-ข้อเสีย ของระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ข้อดี
- ประหยัดน้ำมันมากกว่า เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและสูญเสียกำลังน้อย
- ราคาถูกกว่า เพราะใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า
- มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง เนื่องจากไม่มีเพลากลาง
- ควบคุมง่ายในสภาพถนนปกติ
ข้อเสีย
- อาจเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์ (เลี้ยวไม่อยู่) เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
- ยางและเพลาหน้าอาจสึกหรอเร็วกว่า เนื่องจากต้องรับภาระทั้งการบังคับเลี้ยวและการขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง คืออะไร
ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Rear Wheel Drive (RWD) คือ ระบบส่งกำลังรถยนต์ที่ถ่ายทอดแรงจากเครื่องยนต์ไปยังล้อคู่หลังเพื่อขับเคลื่อนรถ ระบบนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในอุตสาหกรรมยานยนต์ และยังคงเป็นที่นิยมในรถยนต์บางประเภท โดยเฉพาะรถสปอร์ต รถหรู และรถกระบะ ซึ่งการทำงานของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีความซับซ้อนมากกว่าระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้
- เครื่องยนต์ : ส่วนใหญ่จะถูกวางไว้ด้านหน้าของรถ แต่บางรุ่นอาจวางกลางลำตัวหรือท้ายรถ
- เกียร์ : ทำหน้าที่ปรับอัตราทด และทิศทางการหมุน
- เพลากลาง : เป็นแกนยาวที่ส่งกำลังจากเกียร์ไปยังเฟืองท้าย
- เฟืองท้าย : ทำหน้าที่กระจายแรงไปยังล้อหลังทั้งสองข้าง และช่วยให้ล้อซ้ายและขวาหมุนด้วยความเร็วต่างกันได้เมื่อเข้าโค้ง
- เพลาขับ : ส่งกำลังจากเฟืองท้ายไปยังล้อหลังแต่ละข้าง
ข้อดี-ข้อเสีย ของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
ข้อดี
- การทรงตัวดีกว่า โดยเฉพาะในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง
- เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ต
- รับน้ำหนักได้มากกว่า เหมาะกับการบรรทุก
ข้อเสีย
- สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า เนื่องจากมีน้ำหนักมาก และสูญเสียกำลังในการส่งผ่านไปยังล้อหลัง
- ราคาสูงกว่าระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
- ควบคุมยากกว่าบนถนนลื่น หรือในสภาพอากาศแย่
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า กับ ล้อหลัง ต่างกันอย่างไร
เมื่อเราเข้าใจหลักการทำงานพื้นฐานของระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบแล้ว การเปรียบเทียบความแตกต่างจะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความแตกต่างไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตำแหน่งของล้อที่รับแรงขับเคลื่อนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมการขับขี่ ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการออกแบบตัวรถอีกด้วย มาดูกันว่าระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
- การควบคุม : ล้อหน้าควบคุมง่ายกว่าในสภาพถนนทั่วไป ขณะที่ล้อหลังให้ความรู้สึกสปอร์ต และควบคุมดีกว่าที่ความเร็วสูง
- ประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน : ล้อหน้าประหยัดน้ำมันกว่า
- พื้นที่ใช้สอย : ล้อหน้ามีพื้นที่ภายในกว้างกว่า
- การทรงตัว : ล้อหลังมีการทรงตัวดีกว่าในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง
- ต้นทุน : ล้อหน้ามีราคาถูกกว่าทั้งในแง่การผลิต และการบำรุงรักษา
ทำไมรถเก๋งต้องขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นส่วนใหญ่
สาเหตุที่รถเก๋งส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า นั่นเป็นเพราะว่า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้ามีความประหยัดน้ำมันที่มากกว่า ซึ่งตรงใจผู้บริโภคส่วนใหญ่ในท้องตลาด รวมไปถึงการควบคุมรถยังทำได้ง่ายกว่าด้วย จึงเหมาะกับคนขับทั่วไป โดยเฉพาะในเมืองที่การจราจรหนาแน่น ข้อดีอีกอย่างคือ มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง และสะดวกสำหรับการใช้งานทั่วไป ที่สำคัญ ต้นทุนผลิตที่ต่ำก็ถูกกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลัง จึงช่วยให้ผู้ผลิตแข่งขันในตลาดได้ดี เลยกลายเป็นเหตุผลที่รถขับเคลื่อนล้อหน้าได้รับความนิยมสูง
สรุปบทความ
หวังว่าผู้ใช้รถทุกคน จะเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนล้อหลังกันแบบกระจ่างแล้ว การเลือกยางรถยนต์ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้าม เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่โดยตรง ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่ายาง NEXEN ดีจริงไหม มียางนุ่มเงียบหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า NEXEN เป็นยางรถยนต์สัญชาติเกาหลี โดดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวล ยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นไปกับยางรถยนต์ NEXEN TIRE ได้ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ และศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH