ตอบข้อสงสัย เกียร์ S คืออะไร ต่างจากเกียร์ L อย่างไร
ในการใช้งานรถเกียร์ออโต้ เรามักจะคุ้นเคยกับตำแหน่งเกียร์ P, R, N, D, หรือเกียร์ L แต่ถ้าเป็นเกียร์ S ล่ะคืออะไร เหมาะใช้งานในสถานการณ์ไหนบ้าง และแตกต่างจากเกียร์ L หรือเปล่า เดี๋ยววันนี้ เน็กเซ็น เราจะพาไปทำความเข้าใจเรื่องนี้กันให้กระจ่างเอง
เกียร์ S คืออะไร
เกียร์ S คือ ตำแหน่งเกียร์พิเศษในรถเกียร์อัตโนมัติ โดย S ย่อมาจากคำว่า “Sport” ซึ่งหมายถึงโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต เมื่อเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง S ระบบเกียร์จะปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีความว่องไวมากขึ้น โดยจะรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เลยทำให้เครื่องยนต์มีกำลัง และแรงบิดพร้อมใช้งานทันทีได้ต่อเนื่องทันที
ควรใช้เกียร์ S ตอนไหนดี
เกียร์ S ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ซึ่งเหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการกำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น หรือต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วจากเครื่องยนต์ สถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้เกียร์ S จึงมีดังนี้
ตอนเร่งแซง
เมื่อต้องการแซงรถคันอื่นบนถนน การใช้เกียร์ S จะช่วยให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นทันที โดยที่รอบเครื่องยนต์ไม่ตกลงไปเหมือนการใช้เกียร์ D ปกติ จึงเหมาะสำหรับการแซงอย่างปลอดภัยบนถนนที่มีช่องจราจรจำกัด
ตอนขับขึ้น-ลงเขา
เมื่อขับรถขึ้นเขาที่มีความชันสูง เกียร์ S จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบสูง ทำให้มีกำลังเพียงพอในการไต่ระดับความชันได้สบายขึ้น ส่วนในการขับลงเขา เกียร์ S จะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของเครื่องยนต์ (Engine Brake) พร้อมกับลดการใช้เบรกเกินจำเป็น จึงป้องกันโอกาสในการเกิดเบรกไหม้ด้วยเช่นกัน
เกียร์ S กับ L ต่างกันยังไง
แม้ว่าทั้งเกียร์ S กับ L จะเป็นตำแหน่งพิเศษนอกเหนือจากเกียร์ D ปกติ แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- หลักการทำงาน : เกียร์ S ยังคงเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ แต่จะรักษารอบเครื่องให้สูงกว่าปกติ ในขณะที่เกียร์ L (Low) จะบังคับให้รถใช้เกียร์ต่ำเท่านั้น
- วัตถุประสงค์ : เกียร์ S เน้นเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ส่วนเกียร์ L เน้นการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูง เช่น การลากจูง หรือขับขึ้น – ลงเขาที่ชันมากเท่านั้น
- ความเร็ว : เกียร์ S สามารถใช้ได้ที่ความเร็วสูงกว่า ในขณะที่เกียร์ L เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
ขับเกียร์ S ตลอดได้ไหม รถจะพังหรือเปล่า
แม้ว่าเกียร์ S จะให้ความรู้สึกสนุกในการขับขี่ แต่การใช้งานตลอดเวลาอาจส่งผลเสียต่อระบบเกียร์ และเครื่องยนต์ได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุหลัก ดังนี้
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เนื่องจากเครื่องยนต์ทำงานที่รอบสูง
- เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังอาจสึกหรอเร็วขึ้น เพราะต้องทำงานหนักตลอดเวลา
- อาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในระบบเกียร์และเครื่องยนต์
- การขับขี่อาจไม่นุ่มนวลเท่าการใช้เกียร์ D ในการขับขี่ปกติ
- อาจทำให้ควบคุมรถยากขึ้นในสภาพถนนที่ลื่นหรือเปียก
สรุปบทความ
และทั้งหมดนี้ก็คือความต่างระหว่างเกียร์ S กับ L พร้อมกับสิ่งที่ผู้ใช้รถจำเป็นต้องรู้ว่า เกียร์ S คืออะไร และเหมาะใช้งานในสถานการณ์ไหนบ้าง รวมไปถึงข้อดี และข้อที่ควรระวังในการใช้งาน ซึ่งนอกจากการใช้เกียร์รถที่ถูกวิธีแล้ว การเลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพอย่าง NEXEN ก็เป็นอีกขั้นของความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้าม แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า ยางรถยนต์ NEXEN ดีไหม เพราะเห็นมีอยู่ตามร้านขายยางชั้นน้ำทั่วประเทศ ต้องบอกว่า NEXEN เป็นแบรนด์ยางรถยนต์ระดับโลกสัญชาติเกาหลี ที่มีซีรีส์ยางให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย แต่รุ่นที่เราอยากแนะนำก็คือยางรถยนต์ ยางรถยนต์ NEXEN N’FERA SU4 ที่มีสมรรถนะสูง และใช้งานบนพื้นที่เปียกได้เป็นอย่างดี จากการออกแบบร่องดอกยางพิเศษที่ช่วยลดอาการเหินน้ำ
หากสนใจยางรถยนต์ NEXEN สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือซื้อยางออนไลน์ทาง Shopee และ Lazada พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH