รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์

แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากความต่างของรถน้ำมันกับรถไฟฟ้าแล้ว หลายคนยังคงไม่เข้าใจความแตกต่างของรถ EV แต่ละประเภทด้วยเช่นกัน แต่ในวันนี้ เน็กเซ็นจะพาทำความเข้าใจกันว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็นกี่ประเภท มีอะไรบ้าง พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี
รถยนต์ไฟฟ้า EV มีกี่ประเภท แต่ละแบบต่างกันอย่างไร
หลายคนที่สงสัยว่ายานยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็นกี่ประเภท คำตอบคือ 4 ประเภทหลัก แต่ละประเภทมีเทคโนโลยีและการใช้งานที่แตกต่างกันไป เพราะถูกออกแบบมาตอบโจทย์ผู้บริโภคกันคนละกลุ่ม ดังนี้
1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV)
รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดผสมผสานเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพราะระบบจะเก็บพลังงานจากการเบรกและเครื่องยนต์เอง ประหยัดน้ำมันได้ดีกว่ารถธรรมดา 30-40% และลดมลพิษได้มาก
จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด
- ไม่ต้องหาจุดชาร์จไฟ สะดวกสำหรับการเดินทางระยะไกล
- ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดค่าใช้จ่าย
- เสียงเครื่องยนต์เงียบขึ้น ขับขี่นุ่มนวลสบาย
- ระบบทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดพัฒนาต่อจาก HEV โดยเพิ่มระบบชาร์จไฟจากภายนอก สามารถขับด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ระยะ 40-80 กิโลเมตร ก่อนเครื่องยนต์เบนซินจะเข้ามาช่วย เหมาะสำหรับคนที่เดินทางในเมืองเป็นส่วนใหญ่
จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด
- ขับด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ในระยะใกล้
- มีเครื่องยนต์สำรองไว้วิ่งน้ำมันเพียงอย่างเดียวเมื่อแบตหมด ไม่ต้องกังวลระยะทาง
- ชาร์จที่บ้านได้ ไม่ต้องพึ่งสถานีชาร์จ
- ลดการปล่อยมลพิษได้มากในการเดินทางประจำวัน
- ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเหมือนรถไฟฟ้า
3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV)
รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ใช้ไฟฟ้า 100% ไม่มีเครื่องยนต์เบนซิน ไม่ปล่อยไอเสียเลย ขับเงียบสนิท แรงทันที ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรต่ำมาก แต่ต้องวางแผนการชาร์จและเส้นทางการเดินทาง
จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่
- ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรต่ำที่สุด ประหยัดในระยะยาว
- ไม่ปล่อยมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 100%
- แรงบิดทันที ความเร่งเหนือกว่ารถเครื่องเบนซิน
- เสียงเครื่องเงียบสนิท ขับสบายไม่เมื่อยล้า
- ได้สิทธิประโยชน์ภาษีและค่าธรรมเนียมลดหย่อน
4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)
รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ผลิตไฟฟ้าจากปฏิกิริยาเคมี เติมไฮโดรเจนได้เร็วเหมือนเติมน้ำมัน วิ่งได้ไกลกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป แต่ยังหาสถานีเติมไฮโดรเจนยากในไทย
จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง
- เติมเชื้อเพลิงเร็ว เพียง 5 นาที วิ่งได้ 400-600 กิโลเมตร
- ไม่ปล่อยอะไรนอกจากน้ำ เป็นพลังงานที่สะอาดที่สุดในบรรดารถไฟฟ้า
- วิ่งได้ไกล เหมาะสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัด
- ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ ใช้งานสะดวกเหมือนรถธรรมดา
วิธีเลือกรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิต
ไม่ว่าคุณจะมองรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า SUV ไฟฟ้า หรือแม้แต่ MPV ไฟฟ้าอย่างรถ MG 7 ที่นั่งจากจีนที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ก็ตาม สิ่งที่ต้องพิจารณาหลัก ๆ จะมีดังนี้
- วิเคราะห์ระยะทางเดินทางประจำวัน : หากขับในเมืองไม่เกิน 50 กม./วัน BEV จะประหยัดสุด เพราะขับด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ แต่หากเดินทางข้ามจังหวัดบ่อยหรือวิ่งมากกว่า 100 กม./วัน HEV หรือ PHEV ก็จะสะดวกกว่าเพราะไม่ต้องหาที่ชาร์จ
- สำรวจสถานีชาร์จในพื้นที่ใช้งาน : รถ BEV ต้องวางแผนจุดชาร์จทุกครั้ง ตรวจสอบว่าบ้าน ที่ทำงาน และเส้นทางที่ใช้บ่อยมีสถานีชาร์จเพียงพอหรือไม่ ส่วน HEV ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย
- คำนวณงบประมาณระยะยาว : แม้ว่ารถ BEV จะมีต้นทุนในการเติมพลังงานที่ต่ำ แต่ก็ต้องไม่ลืมคิดเรื่องค่าประกันรถยนต์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถสันดาป รวมไปถึงระยะเวลาในการรอเคลมอะไหล่เข้าไปด้วย
- เลือกตามสไตล์การขับขี่และความชอบ : ชอบความเงียบ แรงทันที และขับนุ่มเลือก BEV หากต้องการความสะดวกเหมือนรถธรรมดาแต่ประหยัดกว่าเลือก HEV ส่วนคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่แต่ยังไม่กล้าเสี่ยง PHEV เป็นตัวเลือกที่ดี
สรุปบทความ รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
และทั้งหมดนี้ ก็น่าจะช่วยตอบข้อสงสัยให้กับใครหลายคนได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท และควรเลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด แต่นอกจากเลือกรถที่ใช่แล้ว ก็ต้องศึกษาวิธีเลือกยาง EV ในการใช้งานด้วยเช่นกัน แต่ดีที่สุดก็คือการเลือกใช้ยางรถยนต์ NEXEN ที่มีโครงสร้างแข็งแรง รองรับการใช้งานได้ทั้งรถสันดาป และรถ EV ได้อย่างสบายใจ ในราคาคุ้มค่า สบายกระเป๋า
สัมผัสความนุ่มนวลเหนือระดับไปกับเน็กเซ็น ได้ง่าย ๆ ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada
พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก NEXEN TIRE THAILAND