Oversteer vs Understeer คืออะไร พร้อมเทคนิคแก้อาการต้องรู้

การขับขี่ในสภาพถนนต่าง ๆ อาจเจอปัญหาที่รถสูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะอาการ Oversteer และ Understeer ที่นักขับมือใหม่มักเจอแต่ไม่รู้วิธีแก้ไข วันนี้เน็กเซ็นจะมาอธิบายอาการ Oversteer vs Understeer คือ พร้อมแนะนำเทคนิคการควบคุมพวงมาลัยเมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ให้เอง
Oversteer คืออะไร

Oversteer คือ อาการที่ส่วนท้ายของรถเกิดการปัดหรือไถลออกไปด้านนอกขณะเข้าโค้ง ทำให้รถหมุนมากกว่าที่พวงมาลัยสั่ง มักเกิดกับรถขับเคลื่อนล้อหลังหรือรถที่มีความเร็วสูงเกินไป อาการนี้สัมพันธ์กับการดริฟท์รถยนต์ ที่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะในการควบคุม
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ Oversteer คืออะไร
สาเหตุหลักมาจากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป การเหยียบคันเร่งแรงเกินไปกลางโค้ง หรือยางรถยนต์สูญเสียแรงยึดเกาะด้านหลัง ความแตกต่างของแรงยึดเกาะระหว่างล้อหน้าและหลัง จะทำให้เกิดสภาวะไม่สมดุลนี้ขึ้น
เทคนิคการสวนพวงมาลัย (Counter-steering) เมื่อเกิด Oversteer
เมื่อเจอสถานการณ์ท้ายปัด จำเป็นต้องใช้เทคนิคสวนพวงมาลัยอย่างถูกต้อง ดังนี้
- ยกเท้าออกจากคันเร่งทันที เพื่อลดแรงขับที่ส่งไปยังล้อหลัง
- หมุนพวงมาลัยไปทางที่ท้ายรถปัดออกไป อย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว
- รักษาสายตามองไปทางที่ต้องการให้รถไป ไม่ใช่มองไปทางที่รถกำลังหมุน
- เมื่อรถเริ่มกลับสู่ทิศทางปกติ ค่อย ๆ หมุนพวงมาลัยกลับมาตรง
อาการ Understeer คืออะไร
Understeer คือ การที่รถไม่เลี้ยวเข้าโค้งตามที่พวงมาลัยสั่ง โดยรถจะแถออกไปด้านนอกของโค้ง เรียกอีกอย่างว่า “หน้าดื้อโค้ง” มักเกิดกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าหรือเมื่อล้อหน้าสูญเสียแรงยึดเกาะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ Understeer คืออะไร
การเข้าโค้งเร็วเกินไปจนล้อหน้าไถล การเบรกแรงขณะเลี้ยว หรือการหมุนพวงมาลัยฉับพลันเกินไป สภาพถนนเปียกลื่นหรือรถยางแตก ก็อาจเป็นสาเหตุเสริมที่ทำให้ล้อหน้าสูญเสียแรงยึดเกาะและเกิดอาการดังกล่าว
เทคนิคการบังคับพวงมาลัยและควบคุมคันเร่งเมื่อเกิด Understeer
การแก้ไขอาการหน้าดื้อต้องใช้เทคนิคตรงข้ามกับสัญชาตญาณ ดังนี้
- ยกเท้าออกจากคันเร่งเพื่อลดความเร็ว แทนที่จะเหยียบเบรกแรง
- ลดการหมุนพวงมาลัยลง ไม่ใช่เพิ่มมุมพวงมาลัยเหมือนที่คนส่วนใหญ่ทำ
- รอให้ความเร็วลดลงจนล้อหน้ากลับมามีแรงยึดเกาะ
- ค่อย ๆ เพิ่มมุมพวงมาลัยเมื่อรถเริ่มตอบสนองแล้ว
3 เคล็ดลับที่ช่วยป้องกันอาการ Oversteer และ Understeer

การป้องกันยังดีกว่าการแก้ไข ดังนั้นการเตรียมตัวและใช้เทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
1. การเลือกใช้ยางและดูแลช่วงล่างเพื่อการยึดเกาะถนนที่ดี
เลือกใช้ยางรถยนต์ NEXEN ที่มีคุณภาพดี ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการยึดเกาะถนน โดยจะต้องหมั่นตรวจสอบร่องยาง ความดันลมยาง และเปลี่ยนยางเมื่อหมดอายุใช้งานตามกำหนด รวมถึงการเปลี่ยนอะไหล่ช่วงล่างทันทีที่เสื่อมสภาพก็ช่วยได้เช่นกัน
2. เทคนิคการเข้าโค้งที่ถูกต้องและปลอดภัย (Apex, Line)
เข้าโค้งช้าออกโค้งเร็ว เบรกก่อนถึงโค้งไม่ใช่กลางโค้ง เลือกเส้นทางการเข้าโค้งที่เหมาะสม และรักษาความเร็วที่สมเหตุสมผลตามสภาพถนน การใช้เทคนิค Apex ช่วยให้ผ่านโค้งได้อย่างปลอดภัย
3. ความสำคัญของการมีสติและไม่ประมาทในการขับขี่
การมีสติขณะขับขี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ขับเร็วเกินกว่าสภาพถนนและความสามารถของตัวเอง รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับ การขับขี่อย่างมีสติจะช่วยป้องกันสถานการณ์เสี่ยงได้อย่างมาก
สรุปบทความ อาการ Oversteer vs Understeer คืออะไร
สรุปได้ว่า Oversteer คืออาการท้ายปัด ส่วน Understeer คืออาการหน้าดื้อโค้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากทั้งสภาพยาง ความเร็วในการขับขี่ รวมไปถึงสภาพถนนในช่วงหน้าฝน การเข้าใจพฤติกรรมรถยนต์และเทคนิคการแก้ไขอาการเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่คนใช้รถควรเรียนรู้เอาไว้ รวมถึงการขับขี่อย่างระมัดระวังยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ตามระยะใช้งาน NEXEN TIRE คืออีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือก สำหรับคนที่กำลังมองหายางสมรรถนะดี และมีราคาที่คุ้มค่าในการใช้งาน
สัมผัสความนุ่มนวลเหนือระดับไปกับเน็กเซ็น ได้ง่าย ๆ ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada
พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก NEXEN TIRE THAILAND