fbpx

ปัญหาขับรถตกหลุมแรงมาก ทำร้ายช่วงล่างอย่างไร

ปัญหาพื้นผิวการจราจรขรุขระ หรือเป็นหลุมเป็นบ่อ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กวนใจผู้ใช้รถทุกคนไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่มีแอ่งน้ำ การขับรถตกหลุมจึงกลายเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก และอาจทำให้ผู้ใช้รถแอบกังวลว่าช่วงล่างรถยนต์จะพังเร็วขึ้นไหม เดี๋ยววันนี้ เน็กเซ็น จะมาอธิบายในเรื่องนี้ให้เอง 

ขับรถตกหลุมแรงมาก มีผลเสียอะไรกับช่วงล่างบ้าง

ขับรถตกหลุมแรงมาก-มีผลเสียอะไรกับช่วงล่างบ้าง

การขับรถตกหลุมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่หลายคนคิด เพราะแรงกระแทกจากการตกหลุมสามารถสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ได้ โดยเฉพาะช่วงล่างรถยนต์ซึ่งเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกโดยตรง แต่จะมีชิ้นส่วนไหนบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เราจะพามาดูกัน

ล้อแม็กกับยาง

ล้อแม็กและยาง เป็นส่วนแรกที่ต้องรับแรงกระแทกเมื่อรถตกหลุม การขับรถตกหลุมบ่อย ๆ จึงอาจทำให้ล้อแม็กบิดงอหรือร้าวได้ ส่วนยางก็อาจเกิดการฉีกขาด หรือบวมที่ผนังด้านข้าง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดยางระเบิดขณะขับมากขึ้นกว่าเดิม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเปลี่ยนยางทันทีเพื่อความปลอดภัย เมื่อสังเกตเห็นการฉีกขาด หรือปูดบวมที่ตัวยาง โดยไม่ต้องสนว่ายางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ หรือต้องรอให้ครบระยะการใช้งานก่อนไหม เพราะอาการนี้ถือว่ารุนแรง และอันตรายต่อการใช้รถเป็นอย่างมาก 

โช้คอัพ

โช้คอัพ ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และรักษาการทรงตัวของรถ การขับรถตกหลุมแรงมากอาจทำให้โช้คอัพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เลยส่งผลให้ประสิทธิภาพในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนลดลง จึงทำให้รถโยกคลอน และควบคุมได้ยากขึ้นกว่าเดิม 

คันชักพวงมาลัย

คันชักพวงมาลัย เป็นอีกชิ้นส่วนที่ต้องระวังให้ดีเมื่อขับรถตกหลุมแรงมาก เพราะแรงกระแทกอาจทำให้คันชักพวงมาลัยคดงอหรือหลวม ส่งผลให้การควบคุมทิศทางของรถไม่แม่นยำเท่าที่ควร จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น 

ลูกหมากช่วงล่าง 

ลูกหมากช่วงล่าง เป็นข้อต่อสำคัญในระบบช่วงล่าง การขับรถตกหลุมบ่อย ๆ อาจทำให้ลูกหมากเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเสียงดังผิดปกติขณะขับ และอาจทำให้การควบคุมรถไม่มั่นคงเหมือนเดิม

สัญญาณเตือนในการจอดเมื่อขับรถตกหลุม

สัญญาณเตือนในการจอดเมื่อขับรถตกหลุม

นอกจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับช่วงล่างรถยนต์แล้ว ยังมีสัญญาณเตือนบางอย่างที่บ่งบอกว่าผู้ใช้รถควรจอดทันที เพื่อตรวจสอบอาการเบื้องต้นจากการขับรถตกหลุม เช่น 

  • พวงมาลัยสั่นผิดปกติ
  • รถมีอาการเอียง หรือดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง
  • มีเสียงดังผิดปกติจากใต้ท้องรถ
  • รถสั่นสะเทือนมากกว่าปกติเมื่อขับผ่านพื้นผิวขรุขระ
  • ไฟเตือนระบบเบรก หรือระบบกันสะเทือนสว่างขึ้น

3 แนวทางที่ควรปฏิบัติ หากไม่อยากขับรถตกหลุม 

แม้ว่าบางครั้งการหลีกเลี่ยงหลุมบ่อบนถนนจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็มีวิธีการขับขี่ที่ช่วยลดโอกาสการขับรถตกหลุมได้ มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีอะไรบ้าง 

  1. ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม และปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้รถมีเวลาสังเกต และหลบหลีกหลุมบ่อได้ทันในการเปลี่ยนช่องจราจร 
  2. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้เพียงพอ เพื่อให้มีเวลาตัดสินใจ และหลบหลีกหลุมบ่อได้อย่างปลอดภัย
  3. หลีกเลี่ยงการขับผ่านแอ่งน้ำ โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหรือหลังฝนตก เพราะเราไม่รู้ว่าแอ่งน้ำนั้นลึกแค่ไหน จึงไม่ควรเสี่ยงโดยเด็ดขาด 

สรุปบทความ

แม้ว่าปัญหาขับรถตกหลุม จะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนหงุดหงิด เพราะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอะไรได้เมื่อเกิดความเสียหายกับช่วงล่างรถยนต์ ดังนั้นแล้ว การขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับการเลือกใช้ยางคุณภาพดีอย่าง NEXEN ที่มีรองรับการใช้งานในรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นยาง SUV ยางรถเก๋งซีดาน หรือยางรถกระบะก็ตาม พร้อมทั้งซีรีส์ยาง และขนาดที่หลากหลายไว้รองรับการใช้งานได้ครบจบ 

หากสนใจยางรถยนต์ NEXEN สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือซื้อยางออนไลน์ทาง Shopee และ Lazada พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH