น้ำเข้ารถ หน้าฝนอย่าปล่อยไว้ เตรียมรับมือก่อนสายเกินแก้
ขับรถช่วงหน้าฝนอย่างไรให้รถไม่พัง เครื่องยนต์ไม่ดับ
อย่างที่ทราบกันดีว่าฤดูฝนประเทศไทยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคมของทุกปีไป ส่งผลให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมขัง ทำให้ต้องขับรถลุยน้ำท่วมเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง บ่อยครั้งที่ผู้ใช้รถไม่สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมได้ ส่งผลทำให้รถยนต์ดับกลางคัน เครื่องยนต์ร้อน และน้ำเข้ารถจนเกิดความเสียหาย บทความนี้ขอแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเข้ารถช่วงหน้าฝน พร้อมวิธีการรับมือต่าง ๆ ให้คุณขับขี่อย่างปลอภัย เดินทางราบรื่น
ทริกขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง เดินทางปลอดภัย
- เช็กระดับความสูงของน้ำทุกครั้งเมื่อต้องลุยน้ำท่วม โดยระดับความสูงของน้ำที่ปลอดภัยและสามารถขับลุยไปได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 30 เซนติเมตร หากผู้ขับไม่แน่ใจเรื่องระดับความสูงของน้ำสามารถสังเกตได้จากระดับฟุตบาท โดยปกติฟุตบาทจะสูงกว่าพื้นถนนอยู่ประมาณ 15 เซนติเมตร หากว่าระดับน้ำสูงจนไม่สามารถมองเห็นขอบฟุตบาท การขับรถลุยน้ำไปอาจจะส่งผลเสียต่อรถยนต์ของคุณได้
- เมื่อประเมินระดับน้ำที่สามารถขับผ่านไปได้แล้ว ผู้ขับควรปิดแอร์เพราะหากน้ำท่วมถึงตัวพัดลม จะส่งผลให้ใบพัดตีน้ำขึ้นมาโดนบริเวณห้องไฟฟ้า อาจทำให้เครื่องยนต์ช็อตและดับได้
- ขับรถฝ่าน้ำท่วมช้า ๆ เพราะการขับลุยน้ำด้วยความเร็วอาจจะทำให้น้ำกระเด็นและเข้าตัวเครื่องได้ ที่สำคัญการขับรถลุยน้ำตัวรถจะเบากว่าการขับแบบปกติ ทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น จึงควรขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และควรหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องขณะขับรถลุยน้ำ
- ขับรถลุยน้ำสำหรับเกียร์กระปุกควรใช้เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 สำหรับเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์ L หรือเกียร์ 1 และควรรักษาระดับความเร็วให้อยู่ระหว่าง 1,500 -2,000 รอบ หากรอบของเครื่องยนต์ต่ำเกินไปอาจจะทำให้เครื่องยนต์ดับได้ แต่ถ้ารอบสูงเกินไปก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์ดูดน้ำเข้าห้องเครื่องได้
- รักษาระยะห่างจากรถคันอื่นพอประมาณ เพราะระบบเบรกที่แช่น้ำนาน ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุหากรถยนต์ด้านหน้ามีการเบรกกระทันหัน
น้ำเข้ารถยนต์ช่วงหน้าฝน ทำไงดี แก้ไขเบื้องต้นอย่างไร
โทรแจ้งประกันภัย
เมื่อน้ำเข้ารถสิ่งแรกที่ควรทำคือโทรแจ้งประกันภัยรถยนต์ เพื่อตรวจสอบกับทางบริษัทประกันว่ากรมธรรม์ที่มีอยู่คุ้มครองกรณีน้ำเข้ารถหรือไม่ เนื่องจากประกันแต่ละชั้นมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมแตกต่างกันไป
เปลี่ยนของเหลวในห้องเครื่อง
หลังน้ำเข้ารถผู้ใช้รถควรนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการ เพื่อทำการเปลี่ยนของเหลวภายในเครื่องใหม่ทั้งหมด อาทิ น้ำมันเครื่องรถยนต์ น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ และอื่น ๆ เนื่องจากน้ำที่เข้าไปสู่ระบบเครื่องยนต์อาจจะเข้าไปปนกับของเหลวในเครื่องยนต์และทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ผิดพลาดได้
เช็กระบบเบรก
หลังน้ำเข้ารถหรือขับรถลุยน้ำท่วมลองเหยียบเบรกสัก 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผ้าเบรกกับจานเบรกหรือดรัมเบรกอยู่ในสภาพปกติ สำหรับรถเกียร์ออโต้ควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดาควรย้ำคลัตช์ ป้องกันคลัตช์ลื่น
ห้ามดับเครื่องยนต์ทันที
หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมจนมาถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีอาจทำให้น้ำที่ค้างอยู่ที่ท่อไอเสียย้อนกลับเข้าไปได้ และความชื้นอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหาย แนะนำจอดรถทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมด
เช็กการทำงานของเครื่องยนต์
เมื่อเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติ อาทิ เครื่องกระตุก เร่งเครื่องไม่ขึ้น หรือเสียงดังกว่าปกติ แนะนำให้เช็กดูก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่ามีสีขุ่นผิดปกติแสดงว่ามีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จากนั้นให้ตรวจสอบกรองอากาศ และท่อไอดี หากพบปัญหาควรจะนำรถยนต์ส่งอู่ซ่อมเพื่อให้ช่างตรวจสอบและทำการแก้ไขทันที
เช็กภายในห้องโดยสาร
ตรวจสอบภายในห้องโดยสารอย่างพรมปูพื้น หากพบว่าด้านใต้พรมมีน้ำควรนำพรมออกตากแดด ไม่ควรทิ้งให้น้ำขังอยู่ภายในรถ เปิดประตูรถทั้งสี่ด้านเพื่อระบายอากาศ ไล่ความชื้นในห้องโดยสาร ที่สำคัญเช็กโมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยควรดูแลไม่ให้มีความชื้นด้วยเช่นกัน
เช็กระบบอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า
ตรวจสอบกล่องฟิวส์ว่ามีความเสียหายหรือไม่ หากมีความเสียหายควรเปลี่ยนทันที และดูกล่องอีซียูหากพบว่าเปียกน้ำให้รีบเช็ดให้แห้ง รวมไปถึงตรวจสอบไฟต่าง ๆ ภายนอกรถ
จากข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นว่าการขับรถลุยน้ำท่วมส่งผลเสียต่อรถยนต์อย่างไร และควรรับมืออย่างไรเมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วมช่วงหน้าฝน หากมีเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้ ควรเลือกใช้เส้นทางนั้นมากกว่าขับรถลุยน้ำท่วม นอกจากระบบต่าง ๆ ที่ต้องดูแลรถยนต์หลังน้ำเข้ารถแล้ว “ยางรถยนต์” เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ควรมองห้าม เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย และรีดน้ำได้ดีเมื่อต้องขับรถลุยฝน ผู้ใช้งานควรเลือกยางรถยนต์ที่ดีที่สุด และคุ้มค่าต่อการใช้งาน หากคุณต้องการเปลี่ยนยางใหม่ “NEXEN TIRE” ผู้ผลิตยางรถยนต์รายแรกของประเทศเกาหลีใต้ รับประกันคุณภาพการผลิตให้ตลอดอายุการใช้งาน รับประกันเปลี่ยนฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้นขึ้นไป (ต่อรถ 1 คัน ใน 1 ใบเสร็จ) พร้อมติดตั้งฟรีทั่วประเทศ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางใกล้บ้านคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ NEXEN TIRE หรือ Facebook Inbox : m.me/NEXENTH พร้อมตอบทุกข้อสงสัยของคุณ มอบความอุ่นใจทุกการขับขี่