ยางร้อนเติมลมได้ไหม? – 5 เหตุผลที่ควรรู้ ก่อนแวะปั๊มเช็กยาง
เช็กลมยางทุกครั้งก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยต่อการขับขี่
การเติมลมยาง เรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมักมองข้าม รู้หรือไม่ว่า การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม นอกจากช่วยรับน้ำหนักบรรทุกของรถ และให้การขับขี่ทรงตัวมากยิ่งขึ้นบนท้องถนนแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงควรดูแลใส่ใจยางรถยนต์ให้มากขึ้น แม้ว่าภายนอกและโครงสร้างจะผลิตมาจากเทคโนโลยีระดับสูง ให้ความทนทานต่อทุกเส้นทางบนท้องถนน แต่รถจะขับเคลื่อนไม่ได้เลย หากขาด “ลมยาง” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของการขับขี่ ลมยางนั้นเป็นเพียงอากาศธรรมดา ที่มีส่วนประกอบเป็นก๊าซออกซิเจน ช่วยเติมเต็มให้ยางรถยนต์ขยายตัว และสามารถขับเคลื่อนไปได้ทุกที่ ซึ่งการเติมลมยางนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ และความช่างสังเกตสักนิด หลายคนมักตั้งคำถามว่า ควรเติมลมยางตอนไหน และต้องเติมอย่างไรถึงจะถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน วันนี้ Nexen Thailand มีคำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการเติมลมยางยอดฮิตมาฝากทุกคน
ชัวร์ก่อนเติม! 5 เหตุผลที่ควรรู้ ก่อนแวะปั๊มเช็กยางรถยนต์
1. ควรเช็กสภาพลมยางทุก ๆ 15 วัน
ควรเติมลมยางตอนไหน? ปัญหายอดฮิตของเหล่าบรรดามือใหม่หัดขับ ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า โดยปกติแล้วลมยางจะลดลงโดยตัวเองประมาณ 2 – 3 PSI หรือ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Pound Per Square Inch) ต่อเดือน จึงควรเช็กลมยาง ทุก ๆ 15 วัน หรือเดือนละครั้ง สามารถเช็กลมยางด้วยการวัดค่า PSI ด้วยอุปกรณ์ส่วนตัว หรือใช้บริการเครื่องเติมลมยางที่ปั๊มน้ำมัน เพื่อเทียบค่าแรงดันลมยางที่วัดได้ กับค่าแรงดันลมยางรถของคุณ ที่ติดอยู่บริเวณข้างคนขับ หรือเช็กจากคู่มือการใช้รถ เพื่อให้ยางรถยนต์มีค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมพอต่อการขับขี่
2. ยางรถยนต์ที่มีค่าแรงดันลมยางน้อยมักเสี่ยงระเบิด
ใครว่าไม่เติมลมยางแล้วจะไม่อันตราย ก่อนแวะปั๊มเช็กยาง หากรู้สึกว่ายางรถยนต์ไม่ค่อยเกาะถนน มีอาการโคลงเคลงไปมาเมื่อเข้าโค้ง หรือขับขี่บนทางเรียบ นั่นคือสัญญาณว่า ลมยางรถของคุณกำลังอ่อนลงมาก และอาจเกิดปัญหายางบวม เสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิด ด้วยความร้อนบริเวณแก้มยาง ทำให้แรงดันในลมยางขยายตัวเพิ่มขึ้น ต้องรีบเข้าปั๊มเติมลมโดยด่วน
3. ยางรถยนต์ที่มีค่าแรงดันลมยางมากอาจทำให้รถลื่นไถล
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการเติมลมยางต้องอาศัยความช่างสังเกตมาก จนกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำหรับใครที่เคยคิดว่า ยิ่งเติมลมยางเยอะ ๆ จะช่วยให้รถขับขี่ได้ดีขึ้น ความเข้าใจนี้อาจผิดไปสักนิด เนื่องจากยางรถยนต์ที่เติมลมมากจนแข็ง จะส่งผลให้การยึดเกาะถนนลดลง และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว หรือขับขี่บนถนนเปียก อาจส่งผลทำให้รถลื่นไถลได้ง่าย รวมถึงเสี่ยงต่อการระเบิดอีกด้วย
4. เติมลมยางหลักแล้วอย่าลืมเติมลมยางอะไหล่ด้วย
หลังจากเติมลมยางรถยนต์ทั้งยางหน้าและยางหลังแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ ยางอะไหล่ หรือ ยางสำรองที่มาพร้อมกับตัวรถ ในทุก ๆ เดือน หรือก่อนเดินทางไกล ควรเติมลมยางอะไหล่ไว้ทุกครั้ง โดยการเติมลมยางอะไหล่ จะต้องเติมลมยางมากกว่าแรงดันปกติ ประมาณ 5 PSI เพราะยางรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งาน จะมีการรั่วซึมของลมยางเป็นปกติ จึงจำเป็นต้องเติมลมให้มากกว่า เตรียมพร้อมสำหรับใช้งานยามฉุกเฉิน
5. ค่ามาตรฐานของการเติมลมรถยนต์ที่ควรรู้
- รถยนต์ทั่วไป ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25 – 32 PSI
- รถยนต์ทั่วไป ขนาดกลาง ควรเติมลมยางประมาณ 30 – 35 PSI
- รถกระบะ ควรเติมลมยางประมาณ 38 – 40 PSI
ยางร้อนเติมลมได้ไหม? หรือควรปล่อยให้ยางเย็นแล้วค่อยเติมลมยาง
ตอบคำถามคาใจของใครหลายคนว่า ควรเติมลมขณะที่ยางรถยนต์ยังคงร้อน หรือมีอุณหภูมิสูงจากการขับขี่ หรือควรรอให้ยางรถยนต์เย็น จนมีอุณหภูมิปกติเสียก่อนจึงค่อยเติมลมยาง ความจริงแล้วไม่ว่ายางรถยนต์จะอยู่ในอุณหภูมิใดก็ตาม ก็สามารถเติมลมยางได้ทั้งสิ้น ยกเว้นกรณียางเสื่อมสภาพ ที่ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที และไม่ควรเติมลมยางให้เสี่ยงต่อการระเบิด แต่อาจมีทริกเล็กน้อย เพื่อให้ได้ค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมต่อการขับขี่บนท้องถนน
ทริกการเติมลมยางร้อน
ยางร้อน คือ ลักษณะของยางรถยนต์ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมา ทำให้มีอุณหภูมิสูงจากการเสียดสีบนท้องถนน ซึ่งสามารถเติมลมยางขณะยางร้อนได้ แต่ต้องเติมลมยางบวกเพิ่มล้อละ 2 – 4 PSI จากค่าปกติ อาทิ ค่าแรงดันลมยางมาตรฐานอยู่ที่ 32 PSI หากเติมลมยางขณะยางร้อน จะต้องเติมลมยางประมาณ 34 – 36 PSI ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก เพื่อชดเชยความดันอากาศที่ขยายตัวภายใน ที่สำคัญเมื่อค่าแรงดันลมยางสูงขึ้นจากความร้อน ห้ามปล่อยลมยางออกเด็ดขาด เพราะเมื่อยางเย็นตัวลง ค่าแรงดันลมยางจะกลับสู่อุณหภูมิปกติ
ทริกการเติมลมยางเย็น
ยางเย็น คือ ลักษณะของยางรถยนต์ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน หรือผ่านการขับขี่ด้วยความเร็วปกติ ในระยะไม่เกิน 2 – 3 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิปกติของยางรถยนต์ สามารถเติมลมตามค่าแรงดันลมยางมาตรฐานได้ทันที หรือสามารถเช็กค่าแรงดันลมยางได้ ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นค่ามาตรฐาน ไม่ต้องบวกลบค่าเพิ่ม
แนะนำทริกสำหรับการเติมลมยาง กรณีขับรถด้วยความเร็วสูง หรือขับรถสำหรับเดินทางไกล ควรเติมลมยางบวกเพิ่มมากกว่าปกติ 3 – 5 PSI เพื่อลดการบิดตัวของโครงยาง ช่วยลดความร้อนในยางให้น้อยลงได้
เติมลมไนโตรเจนยางร้อนต้องเผื่อค่าแรงดันลมยางหรือไม่?
สำหรับการเติมลมยางร้อนและยางเย็น สามารถเติมลมไนโตรเจนด้วยทริกเดียวกับการเติมลมธรรมดาเลยคือ ยางร้อนต้องเติมลมยางเพิ่มล้อละ 2 – 4 PSI จากปกติ และยางเย็นสามารถเติมลมตามค่าแรงดันลมยางของรถแต่ละรุ่นได้ตามปกติ
ถ้าหากถามว่า เติมลมไนโตรเจน อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องบอกว่า เติมลมยางในค่าแรงดันที่เท่ากันกับการเติมลมธรรมดา แต่ยางรถยนต์ของคุณอาจใช้งานได้ดีในระยะยาว 5 – 6 เดือน โดยไม่ต้องเติมลมบ่อยครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพยางรถยนต์ และการใช้งานอีกด้วย แต่หลัก ๆ แล้วลมยางไนโตรเจนจะอยู่ได้นานกว่าปกติ ด้วยรั่วซึมช้า ให้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ ไม่ทำให้รถกระโดดกระเด้งบนท้องถนนเกินไป
ตอบคำถามทุกข้อสงสัย เคลียร์ทุกปัญหาการเติมลมยางรถ ไม่ว่าจะการเติมลมยางรถเก๋ง หรือการเติมลมรถกระบะ จุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ส่งผลกระทบต่อรถยนต์ที่คุณรักได้มากกว่าที่คิด ซึ่งบางครั้งอาจร้ายแรงจนถึงชีวิตของผู้ขับขี่ และผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ รู้ทริกการเติมลมยางให้ได้ค่าที่เหมาะสมกันไปแล้ว สามารถค้นหายางรถยนต์คุณภาพ ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง มั่นใจ ปลอดภัยทุกการขับขี่ได้ที่ Nexen Thailand พร้อมปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Nexen Tire Thailand Facebook Inbox : m.me/NEXENTH