รวมวิธีเลือกยางรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเทียบความต่างกับยางทั่วไป
สำหรับคนที่มีแผนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังไม่รู้วิธีเลือกยางรถไฟฟ้า EV ว่าต้องดูที่ตรงไหนบ้าง และมีความแตกต่างจากยางรถยนต์ทั่วไปไหม ควรเลือกใช้แบบไหนดีกว่ากัน วันนี้ เน็กเซ็นจะมาแนะนำวิธีเลือกยางรถยนต์ไฟฟ้า EV พร้อมแนะนำรุ่นเด่น ๆ ที่น่าใช้งานกันให้แบบครบถ้วน
3 วิธีเลือกยางรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นไหนดีโดย NEXEN TIRE Thailand
การเลือกยางรถไฟฟ้าที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย รถ EV มีความต้องการเฉพาะที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป ทำให้การเลือกยาง EV ที่ดีเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เรามาดูกันว่าวิธีเลือกยางรถยนต์ไฟฟ้า มีอะไรบ้างที่ต้องให้ความสำคัญ
1. เลือกยาง EV ที่ออกแบบเฉพาะ ลดเสียง เพิ่มระยะทาง
ยางรถไฟฟ้าที่ออกแบบมาเฉพาะจะมีคุณสมบัติพิเศษในการลดเสียงรบกวน เนื่องจากรถ EV เงียบกว่ารถยนต์ทั่วไป ทำให้เสียงจากยางเด่นชัดขึ้น นอกจากนี้ ยาง EV คุณภาพดียังช่วยลดแรงต้านทานการหมุน (Rolling Resistance) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้นในการชาร์จแต่ละครั้ง
2. ดูรุ่นยางที่รองรับน้ำหนักรถ EV และแรงบิดสูง
รถไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปเนื่องจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีแรงบิดสูงและทันที ยาง EV จึงต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงพิเศษเพื่อรองรับน้ำหนักและแรงบิดได้ดี ควรเลือกยางรถไฟฟ้าที่มีค่าดัชนีน้ำหนักบรรทุก (Load Index) ที่เหมาะสมกับรถของคุณ
3. เปรียบเทียบคุณสมบัติยาง EV แต่ละรุ่นจาก NEXEN TIRE Thailand
NEXEN TIRE Thailand มียางสำหรับรถไฟฟ้าหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานต่างกัน ควรเปรียบเทียบคุณสมบัติในด้านการประหยัดพลังงาน การยึดเกาะถนน อายุการใช้งาน และการลดเสียงรบกวน เพื่อให้ได้ยาง EV ที่เหมาะสมที่สุดกับรถของคุณและรูปแบบการขับขี่
คุณสมบัติที่ดีของยางรถไฟฟ้าต้องเป็นแบบไหน
ยาง EV คุณภาพสูงต้องมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการที่แตกต่างจากยางรถยนต์ทั่วไป เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของรถไฟฟ้า ลองมาดูคุณสมบัติสำคัญที่ควรมีในยางรถไฟฟ้าคุณภาพดี
ทำให้ห้องโดยสารเงียบลงด้วยเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน
ยางรถไฟฟ้าชั้นดีมีการออกแบบดอกยางและใช้ยางคอมพาวด์พิเศษที่ช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ บางรุ่นมีเทคโนโลยีโฟมดูดซับเสียงภายในยาง หรือใช้เทคนิคการออกแบบร่องดอกยางแบบไม่เป็นจังหวะเพื่อกระจายคลื่นเสียง ทำให้ห้องโดยสารเงียบสงบน่าขับมากยิ่งขึ้น
มีโครงสร้างแข็งแกร่งรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ขนาดใหญ่
ยาง EV ต้องมีโครงสร้างผนังข้างที่แข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ของรถไฟฟ้า มีการเสริมชั้นวัสดุพิเศษและใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเพื่อเพิ่มความทนทานโดยไม่เพิ่มน้ำหนักยาง ทำให้ยางรถไฟฟ้าคงความเสถียรแม้ต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ
ตอบสนองแรงบิดทันใจด้วยโครงสร้างยางที่ดี
รถ EV มีแรงบิดสูงและส่งกำลังทันทีที่เหยียบคันเร่ง ยางรถไฟฟ้าจึงต้องมีโครงสร้างและยางคอมพาวด์ที่ทนต่อแรงเสียดทานสูง มีการออกแบบดอกยางให้สามารถถ่ายเทแรงบิดลงสู่พื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเร่งและเบรกมีความแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เกาะถนนมั่นใจเพื่อการเบรกและการควบคุมที่เหนือกว่า
ยาง EV คุณภาพดีต้องมีสมรรถนะการยึดเกาะถนนเยี่ยมยอดในทุกสภาพถนน มีการออกแบบร่องดอกยางให้ระบายน้ำได้ดีเพื่อป้องกันอาการเหินน้ำ ใช้ยางคอมพาวด์ที่ให้การยึดเกาะดีทั้งในถนนแห้งและเปียก เพื่อความปลอดภัยสูงสุดเมื่อต้องเบรกกะทันหันหรือเข้าโค้งที่ความเร็วสูง
ขับขี่ไกลกว่าเดิมด้วยนวัตกรรมลดแรงต้านช่วยเพิ่มระยะทาง
ยางรถไฟฟ้าชั้นนำมีการพัฒนาสูตรยางคอมพาวด์และการออกแบบหน้ายางที่ช่วยลดแรงต้านการหมุน ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง ส่งผลให้รถ EV วิ่งได้ไกลขึ้นในการชาร์จหนึ่งครั้ง บางรุ่นมีการออกแบบให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ช่วยประหยัดพลังงานไปอีกขั้น
วิธีดูเเลยางรถไฟฟ้า (EV) เเละการเติมลมยางอย่างเหมาะสม
การดูแลยาง EV อย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย ด้วยน้ำหนักและแรงบิดที่มากกว่า ยางรถไฟฟ้าจึงต้องการการดูแลที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
1. ตรวจสอบแรงดันลมยาง EV อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำ
แรงดันลมยางมีผลโดยตรงต่อระยะทางที่รถไฟฟ้าวิ่งได้ ควรตรวจสอบแรงดันลมยางทุก 2-4 สัปดาห์ และรักษาให้อยู่ในระดับที่ผู้ผลิตรถแนะนำ ยาง EV มักต้องการแรงดันลมสูงกว่ารถทั่วไปเล็กน้อยเพื่อรองรับน้ำหนักที่มากกว่า และควรวัดเมื่อยางเย็นเพื่อค่าที่แม่นยำ
2. การสลับยางรถ EV เพื่อการสึกหรอที่สม่ำเสมอ
รถไฟฟ้ามีแรงบิดสูงทำให้ยางสึกเร็วกว่าปกติ ควรสลับตำแหน่งยางทุก 8,000-10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกอย่างสม่ำเสมอ รูปแบบการสลับยางขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อนของรถ EV ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือทั้งสี่ล้อ
3. หมั่นตรวจสอบความลึกร่องดอกยางและความเสียหาย
ควรตรวจสอบความลึกดอกยางรถไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ร่องดอกยางควรลึกไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร แต่สำหรับรถ EV แนะนำให้เปลี่ยนเมื่อเหลือความลึก 3 มิลลิเมตร เพื่อรักษาประสิทธิภาพการเกาะถนนและการระบายน้ำ
4. ไม่ออกตัวกระแทกคันเร่งอยู่บ่อย ๆ
รถไฟฟ้ามีแรงบิดสูงและตอบสนองทันทีเมื่อเหยียบคันเร่ง การออกตัวแรงบ่อยๆ ทำให้ยาง EV สึกหรอเร็วกว่าปกติมาก การขับขี่อย่างนุ่มนวล ไม่เร่งและเบรกกะทันหัน นอกจากจะช่วยยืดอายุยางรถไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มระยะทางต่อการชาร์จอีกด้วย
5. หากเลือกได้ให้จอดในร่มทุกครั้ง
แสงแดดและความร้อนเป็นศัตรูของยางรถไฟฟ้า ทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและส่งผลต่อประสิทธิภาพ หากเป็นไปได้ ควรจอดรถ EV ในที่ร่มหรือในร่มเงา โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด การใช้ผ้าคลุมรถหรือที่บังแดดก็ช่วยยืดอายุยางรถไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง

กระแสรักษ์โลกและการใช้พลังงานทางเลือกใหม่ในปัจจุบันกำลังมาแรง โดยเฉพาะในวงการยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่มักปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นบนท้องถนน สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมองหาทางเลือกเสริม ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก อีกทั้งในปี 2565 นี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากภาครัฐ พร้อมมอบเงินอุดหนุนส่วนลดมากถึง 18,000 – 150,000 บาทต่อคัน และอีกหนึ่งสิ่งที่ตอกย้ำกระแสความนิยมของยานยนต์ไฟฟ้าได้ดีก็คือ ยอดการสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าภายในงาน Motor Expo 2022 ที่ครั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้า BYD แบรนด์น้องใหม่สัญชาติจีน มียอดจองสูงเป็นอันดับที่ 3 รองจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ TOYOTA และ HONDA มาแรงแซงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งอย่าง HAVAL ORA Good Cat และ NETA
แต่บรรดาสาวกรถยนต์ไฟฟ้ารู้หรือไม่ว่า การลงทุนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นพาหนะคู่ใจ มีข้อที่แตกต่างจากการเลือกใช้รถยนต์ทั่วไปอีกหนึ่งประการ นอกเหนือจากการเรื่องระบบพลังงานแล้ว ในส่วนของอะไหล่และการซ่อมบำรุงยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนรถอย่างปลอดภัย หากเกิดเหตุยางรั่ว ยางซึม หรือยางเสื่อมสภาพ จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์บ่อย ๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติบางประการที่แตกต่างกัน วันนี้ Nexen Thailand มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับความแตกต่างของยางรถยนต์ไฟฟ้า และยางรถยนต์ทั่วไปมาฝากกัน เพื่อเป็นเกร็ดความรู้สำหรับสาวกรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นเหตุผลการพิจารณาของผู้ที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต่อจากนี้
รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภทและแตกต่างกันอย่างไร
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้นิยามความหมายของ “เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า” ไว้ว่า ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) หมายถึง ยานยนต์ที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือยานยนต์ที่อาศัยเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในมาใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการขับเคลื่อนและผลิตพลังงานไฟฟ้าเก็บสะสมในแบตเตอรี่ หรือเทคโนโลยีการใช้ก๊าซไฮโดรเจน ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อมาเป็นต้นกําลังในการขับเคลื่อน สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
- รถยนต์ไฮบริด (Hybrid electric vehicle, HEV) เป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปปกติทํางานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มกําลังและประสิทธิภาพของยานยนต์ในการเคลื่อนที่ให้สูงยิ่งขึ้น ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไป
- รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle, PHEV) เป็นรถยนต์ไฮบริดที่เพิ่มวิธีการชาร์จไฟฟ้าเข้ามา สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้มากกว่า มีทั้งการทำงานแบบผสมระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ (Blended PHEV) และการทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก (EREV)
- รถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ (Battery electric vehicle, BEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนได้ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และใช้พลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่มีการใช้พลังงานเครื่องยนต์อื่น ๆ
- รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cell electric vehicle, FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง จากไฮโดรเจน ผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้ามีค่าความจุพลังงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ และไม่ปล่อยไอเสีย แต่จะปล่อยไอน้ำออกมาแทน
5 ข้อควรรู้ คุณสมบัติข้อแตกต่างยางรถไฟฟ้าและยางรถยนต์ทั่วไป
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าการเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ใหม่ จำเป็นต้องใช้ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อย ๆ เนื่องจากยางรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานรถ EV บนท้องถนนได้ดีพอ และด้วยความที่เป็นยางรถยนต์เฉพาะและมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากยางทั่วไป ส่งผลให้ยางรถไฟฟ้า หรือยาง EV ในไทยมีราคาสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะได้รับแล้วนั้นนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าการเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ใหม่ จำเป็นต้องใช้ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อย ๆ เนื่องจากยางรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานรถ EV บนท้องถนนได้ดีพอ และด้วยความที่เป็นยางรถยนต์เฉพาะและมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากยางทั่วไป ส่งผลให้ยางรถไฟฟ้า EV ในไทยมีราคาสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะได้รับแล้วนั้นนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
1. ยางรถไฟฟ้าลดเสียงรบกวนได้ดี
ข้อดีของการใช้รถ EV โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) คือการไม่มีเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่ และเพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตยางรถไฟฟ้า หรือยาง EV ต้องใช้เทคนิคการออกแบบและการผลิตแบบพิเศษ อาทิ การใช้รูปแบบดอกยางแบบพิเศษ การใช้โฟมซับเสียงและสารประกอบของยางต่าง ๆ เพื่อให้ได้ยางนุ่มเงียบที่รักษาความเงียบขณะขับขี่ได้ดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยางรถยนต์ไฟฟ้าราคาสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป และแม้ว่ายางรถยนต์ทั่วไปจะมียางรถนุ่มเงียบเช่นกัน แต่ทว่าเป็นยางที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ยางรถยนต์ดั้งเดิมจากโรงงานเหมือนเช่นรถยนต์ไฟฟ้า
2. ยางรถไฟฟ้ารับน้ำหนักได้มากกว่าปกติ
อีกหนึ่งข้อแตกต่างของยางรถยนต์ไฟฟ้าและยางรถยนต์ทั่วไปคือ ยาง EV ต้องมีคุณสมบัติความทนทานต่อการรับน้ำหนักที่มาก เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเกือบทุกรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่
3. ยางรถไฟฟ้าทนทานต่อแรงบิดสูง
รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีการใช้มอเตอร์พลังงานที่มีแรงบิดสูง หากรถยนต์ไฟฟ้าของคุณเลือกใช้ยางรถยนต์ทั่วไป ในระยะยาวอาจส่งผลให้ยางสึกหรอได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการเลือกใช้ยาง EV ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานต่อแรงบิดสูง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้ดีกว่า และคุณจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่อยู่บ่อย ๆ
4. ยางรถไฟฟ้ายึดเกาะกับพื้นถนนได้ดี
คุณสมบัติโดยทั่วไปของยางรถยนต์ที่ควรมีคือ “การยึดเกาะถนน” ที่ดีต่อการขับขี่และการเบรก แต่ยาง EV จะมีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะถนนที่มากกว่ายางรถทั่วไป โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้า BEV และรถยนต์ไฟฟ้า HEV จะใช้ระบบเบรกเฉพาะ คือ Regenerative Braking (รีเจนเนอเรทีฟ เบรกกิง) เมื่อเหยียบเบรกชะลอความเร็ว ตัวรถจะถูกหน่วงให้ช้าลงด้วย ดังนั้นยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงต้องมีคุณสมบัติการยึดเกาะพื้นถนนที่ดี ให้สอดคล้องกับการใช้งานของระบบเบรก รวมถึงลดการลื่นไถลในการบังคับเลี้ยว
5. ยางรถไฟฟ้าลดแรงต้าน ช่วยประหยัดพลังงาน
ปัจจัยสำคัญของผู้พัฒนายางรถไฟฟ้า หรือยาง EV คือ การผลิตยางที่ช่วยลดแรงต้านการหมุน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว หากแรงต้านการหมุนลดลงจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสูญเสียพลังงานไฟฟ้าน้อยลง ช่วยให้ขับขี่บนท้องถนนได้ยาวนาน เดินทางไปได้ไกลยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศอีกด้วย
ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยาง EV ให้กับผู้ใช้รถ
ผู้ใช้รถหลายคนอาจยังสงสัยเรื่องยาง EV แม้ว่าจะรู้ถึงข้อดีในการใช้งานยางรถไฟฟ้าให้ตรงประเภทไปแล้วก็ตาม เดี๋ยวเราจะมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัย และถามกันบ่อยให้เอง
ยาง EV จำเป็นไหม
ยาง EV ไม่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเสมอไป สามารถเลือกใช้ยางรถยนต์ทั่วไปได้ แต่ต้องเลือกยางให้ตรงกับการใช้งาน ซึ่งคุณสมบัติหลักที่ควรให้ความสำคัญ ก็คือเรื่องของโครงสร้างยาง และการรับน้ำหนัก เพราะรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ มักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ทั่วไปใน Segment เดียวกันเฉลี่ย 400 – 500 กก.
ยาง EV ยี่ห้อไหนดี
ในปัจจุบัน ยาง EV อาจไม่ได้หาซื้อง่ายเท่ากับยางรถยนต์ทั่วไป การเลือกใช้ยางรถยนต์คุณภาพดีจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งทาง NEXEN ก็มียางหลากหลายซีรีส์ ที่สามารถใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยาง EV ราคาแพงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปหรือเปล่า
ยาง EV ในท้องตลาดมักจะมีราคาแพงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปเฉลี่ย 2 – 3 เท่า เนื่องจากคุณสมบัติที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
ถ้าหากยางรถไฟฟ้า EV รั่วต้องทำอย่างไร
หากพบว่ายาง EV รั่ว ให้ประครองรถเข้าจอดในพื้นที่ปลอดภัยทันที เนื่องจากการขับขี่ด้วยยางรถไฟฟ้าที่มีแรงดันต่ำจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและอาจก่อให้เกิดความเสียหายถาวรต่อยาง ตรวจสอบสาเหตุว่าเกิดจากตะปูหรือวัตถุแหลมคมหรือไม่ ใช้ชุดปะยางฉุกเฉินเฉพาะกรณีรั่วเล็กน้อย หรือเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเพื่อขนย้ายไปยังศูนย์บริการที่ชำนาญยางรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ
แนะนำยางที่เพิ่มสมรรถนะให้กับรถไฟฟ้าจาก NEXEN
สำหรับใครที่กำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพสูง ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ อีกทั้งยังมีความทนทานและความนุ่มนวลตามสไตล์ของ NEXEN โดยมียางรุ่นยอดนิยมที่แนะนำดังนี้
- N’FERA SU4 ยางนุ่มเงียบรุ่นยอดนิยมจาก NEXEN พร้อมมอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนที่แห้งและเปียก สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโครงสร้างยางที่แข็งแรงและดอกยางออกแบบพิเศษ ทำให้มีความทนทานต่อการใช้งาน และมีเสถียรภาพในช่วยที่ขับด้วยความเร็วสูง
- N’FERA RU1 ยางประสิทธิภาพสูงสำหรับรถยนต์ SUV และ Crossover เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มาในสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์เป็นส่วนใหญ่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและเบรกได้ดียิ่งขึ้น ยึดเกาะผิวถนนได้ดีทั้งพื้นเปียกและแห้ง พร้อมมอบความนุ่มนวลเหนือระดับ ให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
- N’FERA Sport SUV ยางสปอร์ตสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์สไตล์ SUV และ Crossover ยกระดับการขับขี่ให้สปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีลายดอกยางพิเศษ ให้การยึดเกาะถนน ระยะเบรกและการรีดน้ำที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีความทนทานจากการออกแบบบล็อกไหล่ยางเฉพาะ เพื่อให้ประสิทธิภาพการขับขี่แบบสปอร์ตที่ดีที่สุด
อัปเดตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 กับรุ่นยางรถไฟฟ้าที่น่าใช้จาก NEXEN TIRE
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความต้องการยางรถยนต์ที่เหมาะสม NEXEN TIRE นำเสนอยางคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์รถไฟฟ้าหลากหลายรุ่น ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เรามาดูกันว่ารถไฟฟ้ายอดนิยมรุ่นไหนเหมาะกับยาง NEXEN TIRE บ้าง
DEEPAL S05 – NEXEN N’FERA Sport SUV
NEXEN N’FERA Sport SUV เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ DEEPAL S05 ด้วยคุณสมบัติการควบคุมที่แม่นยำและการตอบสนองที่รวดเร็ว ช่วยรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ได้ดีเยี่ยม ดอกยางออกแบบพิเศษช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ เพิ่มความเงียบให้กับรถไฟฟ้า พร้อมแรงต้านการหมุนต่ำช่วยเพิ่มระยะทางต่อการชาร์จให้มากขึ้น
MG IM6 – NEXEN N’FERA SU1
NEXEN N’FERA SU1 ตอบโจทย์รถ MG IM6 ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังในการขับขี่ มีคุณสมบัติการรองรับแรงบิดสูงทันทีของมอเตอร์ไฟฟ้า ยางรุ่นนี้ช่วยในเรื่องของการยึดเกาะถนนที่ดี และเข้าโค้งควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ มาพร้อมโครงสร้างแข็งแรงรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ได้ดีเยี่ยม
AION UT – NEXEN N’BLUE HD Plus
NEXEN N’BLUE HD Plus เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับ AION UT ด้วยคุณสมบัติการใช้งานได้ดีในทุกสภาพอากาศตลอดทั้งปี ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมแม้ในสภาพถนนเปียก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ดอกยางทนทานต่อการสึกหรอแม้ต้องรองรับน้ำหนักมาก ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกการเดินทาง
MG S5 EV – NEXEN N’FERA RU1
NEXEN N’FERA RU1 เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ MG S5 EV ด้วยการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน ช่วยให้ขับได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ยางรุ่นนี้มีแรงเสียดทานต่ำแต่ยังคงคุณสมบัติการยึดเกาะถนนที่ดี โดยเฉพาะในการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและการตอบสนองที่รวดเร็ว
BYD Sealion 7 – NEXEN N’FERA RU1
NEXEN N’FERA RU1 พัฒนาขึ้นเพื่อรถอเนกประสงค์ไฟฟ้าอย่าง BYD Sealion 7 ด้วยโครงสร้างแข็งแรงพิเศษรองรับน้ำหนักสูงของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ให้ความนุ่มนวลสูงลดแรงสั่นสะเทือน เพิ่มความสบายในการขับขี่ระยะไกล พร้อมคุณสมบัติลดเสียงรบกวนจากพื้นผิวถนน เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลที่ต้องการความสบาย
BYD Seal – NEXEN N’FERA SU1
NEXEN N’FERA SU1 ตอบโจทย์รถสปอร์ตไฟฟ้าอย่าง BYD Seal ด้วยสมรรถนะสูงรองรับการเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน ให้การยึดเกาะถนนที่เหนือชั้นแม้ในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ยางรุ่นนี้มีการออกแบบพิเศษเพื่อความสมดุลที่ดีระหว่างสมรรถนะและการประหยัดพลังงาน ทำให้การขับขี่ทั้งสนุกและปลอดภัย
สรุปเกี่ยวกับเรื่องน่ารู้ของยางรถไฟฟ้า
ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของยางรถไฟฟ้าและยางรถยนต์ทั่วไปที่แตกต่างกัน แม้จะมีคุณสมบัติหลักที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง เพื่อการขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนน แต่ด้วยดีไซน์และฟังก์ชันของรถทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ จุด ดังนั้นการเลือกใช้ยางรถยนต์ที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่ จำเป็นต้องเลือกใช้ให้ตอบโจทย์กับประเภทของรถนั้น ๆ เพื่อดึงศักยภาพและประสิทธิภาพการใช้งานรถได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าพลังงานเชื้อเพลิง และลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเปลี่ยนยาง ไม่ต้องเปลี่ยนยางใหม่บ่อย ๆ อีกด้วย หากคุณสนใจสั่งซื้อยางรถยนต์คุณภาพดี สามารถปรึกษากับ NEXEN TIRE Thailand ผ่านเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก m.me/NEXENT หรือสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ที่ Shopee กับ Lazada