เจาะลึกเรื่องน้ำมันเครื่องยนต์ มีกี่ชนิด ควรเปลี่ยนถ่ายเมื่อไรดี
เมื่อมีรถใช้งาน หนึ่งเรื่องที่คนใช้รถไม่ควรละเลยก็คือ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะใช้งาน แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีสงสัยกันบ้างว่า น้ำมันเครื่องมีกี่ชนิด และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร มีวิธีเลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรบ้าง วันนี้ เน็กเซ็นเรามีข้อมูลแบบละเอียด แต่เข้าใจง่ายมาฝากคนใช้รถกัน
น้ำมันเครื่อง คืออะไร
น้ำมันเครื่อง คือน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์สันดาป หรือรถยนต์ที่มีใช้พลังงานน้ำมัน โดยจะทำหน้าที่ลดแรงเสียดทาน และการสึกหรอของเครื่องยนต์รวมถึงชิ้นส่วนโลหะต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ หน้าที่ของน้ำมันเครื่อง คือช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานราบรื่นเป็นปกติ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
และการถ่ายน้ำมันเครื่อง คือกระบวนการที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของบำรุงรักษาเครื่องยนต์ โดยการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเก่าออก และเติมน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปแทน ซึ่งจะอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ของรถคุณ และประเภทน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้อีกด้วย
น้ำมันเครื่องมีกี่ชนิด
ในปัจจุบัน ชนิดน้ำมันเครื่องในวางจำหน่ายในท้องตลาดหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ซึ่งความแตกต่างหลัก ๆ จะมีดังนี้
1. น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา (Synthetic Oil)
น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ผลิตมาจากน้ำมันแร่โดยที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบโดยตรง ซึ่งจะมีราคาถูกที่สุดในบรรดาน้ำมันเครื่องทุกประเภท ทำให้จะมีระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ประมาณ 5,000 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นระยะที่สั้นมาก และจะน้ำมันเครื่องชนิดนี้จะเหมาะกับเครื่องยนต์รุ่นเก่า ๆ มากกว่า ทำให้ทนต่อความร้อนและแรงเสียดทานได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่องอื่น ๆ
2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic Oil)
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ น้ำมันเครื่องที่มาจากสัดส่วนน้ำมันแร่และน้ำมันสังเคราะห์ผสมกัน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 70 ถึง 30 ส่วน เหมาะสำหรับใช้ในเครื่องยนต์รถธรรมดาทั่วไป มีประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่าการใช้น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา แต่จะไม่เหมาะสมกับรถที่มีสมรรถนะสูง เช่น รถสปอร์ต รถซูเปอร์คาร์ และใช้งานได้ประมาณ 5,000 – 7,000 กม.
3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic Oil)
ในบรรดาน้ำมันเครื่องทุกประเภทน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือน้ำมันเครื่องที่ดีที่สุด ผลิตจากสารสังเคราะห์ทางเคมี มีประสิทธิภาพในการปกป้องการสึกหรอจากการทำงานของเครื่องยนต์ได้สูง สามาารถทนต่อความร้อนและแรงเสียดทานได้ดี ทำให้มีอายุการใช้งานนาน หากรถคันไหนที่ใช้น้ำมันเครื่องประเภทนี้ ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้ทุก ๆ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร เหมาะสำหรับรถรุ่นใหม่ หรือรถที่มีสมรรถนะสูง
เบอร์น้ำมันเครื่องแต่ละแบบต่างกันอย่างไร
เบอร์น้ำมันเครื่องบอกค่าความหนืดและความทนความเย็น ซึ่งส่งผลต่อการหล่อลื่นในอุณหภูมิต่าง ๆ ตัวเลขหน้า W คือความทนความเย็น ตัวเลขหลัง W คือความหนืดที่ความร้อน โดยหลัก ๆ จะมีแบ่งการใช้งาน ดังนี้
- 0W-20, 0W-30 – ทนความเย็นสูงสุด ต่ำกว่า -30°C ความหนืดต่ำ ประหยัดเชื้อเพลิง เหมาะรถใหม่ เครื่องยนต์ทันสมัย ให้การหล่อลื่นรวดเร็วตั้งแต่สตาร์ทเย็น แต่อาจไม่เหมาะกับรถเก่า
- 5W-30, 5W-40 – ทนความเย็นถึง -30°C ความหนืดปานกลาง ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับรถส่วนใหญ่ ให้สมดุลระหว่างการประหยัดเชื้อเพลิงและการปกป้อง เป็นเบอร์ยอดนิยม
- 10W-30, 10W-40 – ทนความเย็นถึง -20°C ความหนืดปานกลาง-สูง เหมาะสำหรับสภาพอากาศไทย ราคาย่อมเยา ให้การปกป้องดีในอุณหภูมิปกติ เหมาะกับรถทั่วไป
- 15W-40, 20W-50 – ทนความเย็นถึง -10°C และ 0°C ความหนืดสูง เหมาะรถเก่า รถที่กินน้ำมัน ให้การปกป้องดีในอุณหภูมิสูง แต่ใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เหมาะสำหรับรถบรรทุกหรือรถใช้งานหนัก
วิธีเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ให้คุ้มค่า และเหมาะกับการใช้งาน
การเลือกน้ำมันเครื่องที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้เหมาะสมกับรถและการใช้งาน ดังนี้
- อ่านสเปกจากคู่มือรถ : ศึกษาคู่มือเจ้าของรถให้ละเอียด เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับค่าความหนืดที่แนะนำ มาตรฐาน API/ACEA และข้อกำหนดพิเศษอื่น ๆ การใช้น้ำมันตามข้อกำหนดจะช่วยรักษาประกันรถและป้องกันปัญหาเครื่องยนต์
- จับคู่กับรูปแบบการขับขี่ : ผู้ที่ขับในเมืองบ่อย หยุด-วิ่งเป็นประจำ ควรเลือกน้ำมันเกรดสูงที่ทนความร้อน ส่วนใครขับทางไกลควรเลือกเกรดที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง รถเก่าที่มีปัญหารั่วซึมควรเลือกความหนืดที่สูงขึ้น ทั้งนี้จะต้องดูสภาพเครื่องยนต์ และเลขไมล์ร่วมด้วย
- ชั่งน้ำหนักต้นทุนรวม : อย่ามองแค่ราคาขวดเดียว ต้องคิดถึงระยะเปลี่ยนและประสิทธิภาพ น้ำมันแพงอาจใช้ได้นานกว่า ทำให้ต้นทุนต่อกิโลเมตรต่ำกว่า รวมถึงลดความยุ่งยากในการเข้าศูนย์บริการ
- เลือกแบรนด์ที่มีมาตรฐาน : ซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากล มีการทดสอบและวิจัยอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงน้ำมันราคาถูกผิดปกติที่อาจเป็นของปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
ถ่ายน้ำมันเครื่อง ราคาเท่าไหร่
การถ่ายน้ำมันเครื่อง ราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทของรถเรา และประเภทของน้ำมันเครื่อง โดยการถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั้ง ราคาจะเริ่มต้น 800 บาทขึ้นไป สามารถสอบถามอัตราค่าบริการได้ที่ศูนย์บริการรถยนต์ หรืออู่ซ่อมใกล้บ้านคุณได้เลย
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องควรทำทุกกี่กิโลเมตร
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องในรถยนต์ขึ้นอยู่หลายปัจจัย รวมถึงยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้ และสภาพการขับขี่ อย่างไรก็ตาม ตามแนวทางทั่วไป ขอแนะนำให้ปฏิบัติตามระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่แนะนำโดยผู้ผลิตรถยนต์ในคู่มือสำหรับเจ้าของรถ โดยทั่วไประยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมาตรฐาน มีดังนี้
- 5,000 – 7,000 กิโลเมตร สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบที่มีความร้อนสูงกว่าเครื่อง N/A การเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่องจึงเร็วกว่า จึงมีระยะเปลี่ยนถ่ายที่สั้นลง
- 10,000 – 12,000 กิโลเมตรขึ้นไป หรือทุก ๆ 6 เดือน สำหรับรถยนต์เครื่อง N/A ทั่วไป เพราะน้ำมันเครื่องจะเกิดความสกปรกจากฝุ่นควันในเมือง และเกิดความหนืดขึ้นกว่าเดิม
รถยนต์บางรุ่นที่ติดตั้งระบบตรวจสอบอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องสามารถให้การแจ้งเตือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากสภาพจริงของเครื่องยนต์และพฤติกรรมการขับขี่ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นและปกป้องอย่างเพียงพอ ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูงสุดและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ประโยชน์ของการถ่ายน้ำมันเครื่อง
- การหล่อลื่น น้ำมันเครื่องจะสร้างฟิล์มป้องกันระหว่างชิ้นส่วนโลหะที่เคลื่อนไหว ช่วยลดแรงเสียดทานและลดการสึกหรอ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- การระบายความร้อน น้ำมันเครื่องช่วยกระจายความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ ป้องกันความร้อนสูงเกินไปและรักษาอุณหภูมิในการทำงานที่เหมาะสม
- การทำความสะอาด น้ำมันเครื่องประกอบด้วยสารทำความสะอาดที่ช่วยทำความสะอาดและขจัดคราบสกปรก กากตะกอน และสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายออกจากเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดและป้องกันการอุดตัน ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
- รักษาสมรรถนะให้แก่เครื่องยนต์ เป็นการผนึกแน่นระหว่างผนังกระบอกสูบและแหวนลูกสูบ ป้องกันการรั่วไหลของก๊าซและรักษากำลังอัด ซึ่งจำเป็นต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์
หากไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องจะเกิดอะไรขึ้น
คนใช้รถหลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามขั้นตอนการถ่ายน้ำมันเครื่องไป แต่การไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันก็จะส่งผลเสียของเครื่องยนต์ หนักสุดก็อาจจะทำให้รถเสียเลยก็ได้
- ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง เนื่องจากน้ำมันเครื่องไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้โอกาสเกิดการเสียดสีและสึกหรอของเครื่องยนต์ได้มากขึ้น
- เครื่องยนต์ทำงานหนักจนเกินไป น้ำมันเครื่องมีคุณสมบัติช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ หากไม่มีการถ่ายน้ำมันเครื่องเก่าออก อาจทำให้เครื่องยนต์เสียได้
- คราบตะกรันอุดตัน รวมทั้งเศษโลหะและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในเครื่องยนต์มาอุดตันอยู่ที่ท่อทางเดินน้ำมัน ทำให้กำลังในการเร่งเครื่องยนต์ถดถอยลงได้
- ลูกสูบและแหวนสูบเสียหาย อาจทำให้รถเกิดเสียงดังกุกกัก ซึ่งเป็นสัญญาเตือนว่ารถกำลังมีปัญหา หากขับต่อไปเรื่อย ๆ ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
- สร้างมลพิษให้แก่สภาพแวดล้อม ควันดำที่ออกมาจากตัวรถ เนื่องจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์จากการใช้น้ำมันเครื่องเก่า
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องราคาเท่าไหร่
ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแตกต่างกันตามประเภทน้ำมันและสถานที่บริการ โดยราคารวมจะอยู่ระหว่าง 800-3,500 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดน้ำมันและขนาดเครื่องยนต์
ราคาน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา
ราคาประมาณ 800-1,500 บาท รวมค่าแรงเปลี่ยน เหมาะสำหรับรถเก่าหรือผู้ที่มีงบจำกัด ค่าแรงช่างประมาณ 200-300 บาท ใช้น้ำมัน 3-5 ลิตรต่อครั้ง
ราคาน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
ราคาประมาณ 1,200-2,500 บาท รวมค่าแรง ได้สมดุลระหว่างคุณภาพและราคา ค่าแรงช่างเท่าเดิม น้ำมันประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
ราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์
ราคาประมาณ 2,000-3,500 บาท รวมค่าแรง แพงที่สุดแต่ใช้ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับรถใหม่หรือรถหรู ค่าแรงช่างอาจสูงขึ้นเล็กน้อยที่ศูนย์บริการ
ควรไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ไหนดี
สถานที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมีหลายตัวเลือก แต่ละแห่งมีข้อดี-เสียต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับสะดวกในชีวิตเป็นหลัก แต่โดยส่วนใหญ่ คนทั่วไปมักเลือกเปลี่ยนตามสถานที่เหล่านี้
- ศูนย์บริการตัวแทนจำหน่าย : การันตีคุณภาพและใช้น้ำมันตรงสเปกของแบรนด์ มีข้อมูลประวัติการบำรุง ราคาค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับรถใหม่ที่ยังอยู่ในประกัน เซอร์วิสครบวงจร
- อู่ซ่อมรถทั่วไป : ราคาย่อมเยา บริการรวดเร็ว สะดวกหาได้ทั่วไป แต่คุณภาพขึ้นอยู่กับช่าง อาจใช้น้ำมันไม่ตรงสเปก เหมาะสำหรับรถเก่าหรือต้องการประหยัด
- ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (B-Quik, Autobacs, Fit Auto) : บริการรวดเร็ว ราคาปานกลาง มีมาตรฐานการบริการ มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่เรื่อย ๆ และมีสาขาครอบคลุม จึงเหมาะสำหรับคนไม่มีเวลา
สรุป
การหมั่นดูแลสภาพเครื่องยนต์ด้วยการถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานเป็นปกติ และถนอมเครื่องยนต์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ถือเป็นหน้าที่ที่ผู้ขับขี่ไม่ควรละเลย นอกจากนี้ ยังรวมถึงการดูแลอุปกรณ์รถยนต์ส่วนอื่น ๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอล้วนมีส่วนสำคัญช่วยให้การขับขี่ราบรื่นและปลอดภัย สำหรับช่วงหน้าฝนแบบนี้เรื่องยางรถยนต์คือสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษควรเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานทั้งเรื่องการยึดเกาะถนน การรีดน้ำ ความนุ่มเงียบ ทนทาน และเป็นยางประหยัดน้ำมัน
ขอแนะนำยางเกาหลี NEXEN ยางรถยนต์มาตรฐานระดับโลกที่ได้รับรางวัลความพึงพอใจจากผู้ใช้งานชาวเกาหลีใต้ 14 ปีซ้อน ผลิตยางรถคุณภาพได้รับความไว้วางใจจากยี่ห้อรถยนต์ชั้นนำให้ใช้เป็นยางมาตรฐาน (OEM) มียางให้เลือกหลากหลายประเภททั้งยางรถเก๋งรุ่นท็อป ยางรถ SUV รถกระบะ รถใช้เชิงพาณิชย์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สำคัญให้ความคุ้มค่าคุ้มราคา NEXEN TIRE ตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ สนใจยางรถยนต์ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ NEXEN TIRE หรือเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH หรือซื้อยางออนไลน์ทาง Shopee และ Lazada